คุณโจ๋นครับที่ว่า "คันนี้ลง ดัทสัน เอ 12 เพื่อติดแอร์และเพื่ออัตรากำลังที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานปัจจุปันครับ ผมยังคิดจะจับเอา F6A เทอร์โบอินเตอร์ของซูซูกิรุ่นใหม่ ๆ ลงครับ ขนาดแค่ 650 ซีซี แต่แรงไม่รู้เรื่องแถมประหยัดอีกครับ "
เอาเครื่อง เอ 12 รุ่นขับหน้าหรือครับ หรือดัดแปลงเป็นขับหลังครับ (ขอดูรูปห้องเครื่องหน่อยได้ไหมครับสนใจวิธีการวางและตัดต่อเพลาขับหน้าหรือว่าเอามาชนกับเกียร์เดิมๆของซูครับ)
ลุงก็กำลังคิดอยู่ว่าระหว่าง K6A กับ F6A จะเลือกเอาอะไรมาแทน F8B เดิมๆดี
ระหว่าง K6A ความจุ 658 CC DOHC 3 สูบ แถวเรียง 12 วาล์ว , โซ่ขับ ,
EFITurbo+ Inter 64 / 6500 10.8 / 3500 8.6
กับ F6A ความจุ 657 CC SOHC 3 สูบ แถวเรียง 6 วาล์ว , สายพานขับ
EFITurbo+ Inter 60 / 6000 8.5 / 4000 9.2
ดูแล้ว ใจมันมาทาง K6A เพราะแรงบิดดีที่รอบต่ำ แรงม้ามากกว่าที่รอบสูง และใช้โช่ขับ ทนมากๆครับ.
คันนี้น่าเป็นขับหลังตั้งแต่เกิดครับ รถเล็กแต่เป็นขับล้อหลังห้องเครื่องจะกว้างมองด้านข้างจะเข้าข่ายหน้ายาวแต่ตูดสั้นครับ ผมเจอปุ๊บถึงรีบคว้ามาไว้ก่อน(ตอนคว้ามีตังค์แค่ 500 บาทในกระเป๋า ) ส่วนเครื่อง F6A มันจะหาได้ง่ายกว่าของ K6A เอ้หรือยากพอ ๆ กัน
ผมดันไปคิดว่า เป็นรุ่นที่มีเครื่องอยู่ข้างหลังแล้วขับเคลื่อนล้อหลังแล้วท่านมาดัดแปลงเอาเครื่องไว้หน้าแต่ส่งกำลังไปขับหลัง พอไปเปิดอ่านอีกครั้ง หลังจากที่ท่านบอกว่าขับหลังตั้งแต่เกิดจึงได้ถึงบางอ้อ
In April, 1973 the LS30 "Fronte Hatch" replaced the LS20 Suzuki Fronte Van. It used the 28 hp two-cylinder two-cycle water-cooled 359 cc L50 engine also seen in the Carry and Jimny and was of a
front-engine, rear-wheel drive layout. The Hatch was available in four equipment levels, ranging from the very basic "E", via "B" and "D" to the range topping "T" version. By December 1974 the car lost the "Fronte"
ยินดีด้วยนะครับที่ท่านได้เป็นเจ้าของรถที่มีไม่กี่คันในโลกนี้.