บังเอิญเป็นคนยุขึ้นเสียด้วย พอดีวันนี้ว่าง เฝ้าหน้าจอได้ทั้งวัน
แต่ขอออกตัวเสียก่อนว่าเขียนจากประสบการณ์ที่เคยผ่านเข้ามา ที่เคยพบด้วยตนเอง และเคยอ่านมาจากหนังสือเท่านั้น ไม่ยืนยันฐานข้อมูลและความถูกต้องและเขียนขึ้แล้วส่งข้อความมายังเวปเลยโดยไม่ไก้กลั่นกรอง จึงอาจผิดพลาดได้
ดังได้กล่าวแล้วว่ารถยนต์ยุคแรก ๆ นั้นประสิทธิภาพยังต่ำ แต่ก็ดูดีและทันสมัยสมยุค การผลิตรถยนต์ในรุ่นก่อน ๆ จะใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับศิลปะ เช่น กันชนก็ทำเป็นหงอนขึ้นมา และชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็จะชุบโครเมียมรวมทั้งกันชนด้วยให้แวบวับจับใจ ปุ่มใช้งานต่าง ๆ ก็วางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะและสวยงาม โลโก้ประจำยี่ห้อก็ออกแบบมาได้สวยงาม ทำให้ดูดีและมีระดับ (class เมื่อไปขยายนามก็น่าจะเป็น classic car) ที่เราเรียกกัน คือรถมีระดับ มีชั้น
ในส่วนการนำไปใช้งาน ยุคแรก ๆ ก็ยังไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่วิศกรเขาก็หาทางแก้ไว้คือ ทำช่องลม (ventilater หรือ vent) สำหรับให้อากาศเข้า และปิดได้เมื่อไม่ต้องการ และนอกจากนี้ยังทำหูช้างไว้ดักลมเข้าในตัวถังอีกด้วย เมื่อมีเครื่องปรับอากาศใช้กันแล้วส่วนนี้ก็ค่อย ๆ หายไป
เมื่อติดเครื่องยนต์เสียงก็ครางกระหึ่ม แถมเครื่องยนต์ก็มีขนาดใหญ่ บางยี่ห้อมีขนาดใหญ่ถึง 5,700 ซี.ซี. ก็มี นับว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน แต่กระนั้นก้ตามเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไรที่จะหาน้ำมันมาเติมเพราะยุคนั้น(พ.ศ. 2500 โดยประมาณ) น้ำมันราคาตกลิตรละ1-2 บาทเท่านั้น เติมน้ำมัน 100- 200 บาทก็วิ่งได้ไปไกลแล้ว แต่ก็ยังน่าคิดว่าค่าของเงินขณะนั้นสูงมาก เงิน 100 บาทสมัยนั้นน่าจะเทียบได้กับปัจจุบันนี้เท่ากับ 2,000 - 4,000 บาท แถมเงินก็หายากเสียด้วย
ขอนำมาเล่าคนที่เกิดไม่ทันว่า รถยนต์สมัยก่อนจะใช้เกียร์มือหรือเกียร์คอหรือเกียร์พวงมาลัยเป็นส่วนมาก ถ้าถามว่าแล้วใช้ยากไหม ก็ขอตอบว่าไม่ว่าเกียร์มือหรือเกียร์กระปุกก็ใช้หลักเดียวกัน คือเดินหน้า ว่าง และถอยหลัง ในส่วนระบบไฟ ไฟหน้าใช้ดึงปุ่ม ไฟสูง - ไฟต่ำเป็นปุ่มอยู่ที่เท้าซ้ายใกล้ ๆ กับแผ่นเหยียบคลัช สวนทางกันจะลดไฟต่ำก็เอาเท้าซ้ายกด ที่กวาดน้ำบางรุ่น เช่น มาสด้า ลูเช่ ที่กวาดน้ำกวาดเข้าหากัน แทนที่จะตามกัน
ระบบเบรคส่วนใหญ่ก็จะเป็นดรัมเบรค พูดง่าย ๆ ก็คือ ใช้ระบบกระบอกสูบ ลูกสูบ ให้น้ำมันไปดันลุกสูบ ทำนองนี้ สมัยก่อนจึงมีเรียกกันว่าเบรคแตก ถ้าเบรคแตกแล้วรถจะบังคับให้หยุดไม่ได้ เช่นถ้ากำลังลงเขา อันตรายมาก และคำนี้ยังใช้กันบางแห่งในทุกวันนี้ว่าว่า "เบรคแตก" คือ เวลาโกรธใครหรือจะทำไรที่ไม่ถูกก็มักเอาไม่อยู่ ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาระบบเบรกไปอีกมากแล้ว การใช้เบรคจึงมั่จได้ดีกว่าสมัยก่อน
ส่วนไฟเลี้ยวนั้น สมัยก่อนก้านไฟเลี้ยวจะไม่ตีกลับเอง เปิดเลี้ยวแล้วจะต้องดึงกลับ มิฉะนั้นมันจะติดอยู่อย่างนั้น อีกอย่างคือขาของแป้นคลัชและเบรคจะเจาะทะลุลงไปใต้ตัวถัง เวลาเหยียบก็จมลงไป สมัยนี้พัฒนามาเป็นเป็นไม่ต้องเจาะตัวถังแล้ว ส่วนข้อด้อยอื่น ๆ นั้นยังมีอีกมากเช่น บังโคลนก็เสมอราบกับหน้าหม้อ ไม่ได้ลาดต่ำลงเช่นสมัยนี้ ทำให้ขับขี่ยากเพราะส่วนของบังโคลนจะไปบดบัง ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี บังคับรถยาก แถมหน้าหม้อก็ยาวอีกด้วย ในเรื่องส่วนที่ดีกว่าสมัยนี้ก็มี เช่นเบาะหน้าเป็นแบบยาวหรือสมัยนี้เรียกเบาะโซฟา สามารถนั่งข้างหน้าได้ 3 คนหรือบางครั้ง 4 คน เบียด ๆ กัน ประหยัดสุด ๆ สมัยนี้ข้างหน้านั่งได้เพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น และรถสมัยนี้ต้องมีแอร์เท่านั้น แอร์เสียเมื่อไหร่ก็ร้อนตับแตก เพราะรถได้ทำไว้สำหรับมีแอร์เท่านั้น
ยังมีต่อถ้าไม่เบื่อ