คือตอนนี้เบื่อแล้วที่ต้องไปนั่งคุมช่าง นั่งแก้ เปลี่ยน ปรับ ฯลฯ สมัยก่อนแข่ง gymkana กับ circuit บ้างเป็นครั้งคราว บางที่ต้องมานั่งแปลง แก้ไข ทำนู่นทำนี่ ต้องมานั่งเทียบอะไหล่รถคันนู่น มาเทียบคันนี้ วุ่นวายไปหมด เสียเวลาและเสียรถไปพอสมควร สมัยนั้นไม่ได้สนใจเรื่องแบบ OEM มากนัก แต่เดี๋ยวนี้ความคิดเปลี่ยนไป เน้นว่า OEM ไม่ตัด ไม่เจาะ ไม่แปลง อาจจะไม่ได้ดีที่สุดหรือเจ๋งที่สุด แต่มันคือสิ่งที่ factory เค้าออกแบบมาแล้ว ซึ่งผมก็คิดว่า factory คงฉลาดกว่าผมมากมายนัก แล้วอย่างผมจะไปรู้ดีกว่าได้อย่างไร
อยากให้มีคนคิดแบบนี้เยอะๆ
การอัพเกรดอาจจะเป็นสิ่งดีหากทำอย่างถูกวิธี แต่ถ้าไม่แน่ใจ... standard เถอะครับ ไม่น่าอายหรอก ก่อนที่เขาจะออกแบบรถสักคันมาให้เราขับ วิศวกรเขาคิดกันหัวหูหงอกไปหลายคนแล้ว
มีเรื่องตลกๆของวิศวเกินมาเล่าให้ฟัง
สองวันก่อน เพื่อนคนนึงโทรมา ขำแทบตาย ท้องเรื่องก็คือ เขาถอดล้อมาเปลี่ยนแล้วพบจานมันขยับก๊อกแก๊กๆหนีรู ดูไปดูมาพบว่าน๊อตยึดจาน (เข้ากับดุม) ตัวเล็กๆตัวหนึ่งมันไม่ได้ใส่เอาไว้ จริงๆแล้วแค่หยิบน๊อตเวรกรรมอะไรก็ได้มาใส่ไว้สักตัวก็จบ แต่พอดูไปดูมาปรากฏว่ารู (ที่ยึดน๊อตเล็กๆที่ว่า) ที่จานกับรูที่ดุมมันไม่ตรงกัน พอดูลึกๆเข้าไปอีกพบว่าดุมล้อมันคนละรุ่นกับจาน (จานตรงรุ่น แต่ดุมไม่ตรง) รูมันเลยไม่ตรงกัน
จะถอดเอาดุมไปเจาะก็ถอดไม่ได้เพราะมันตีปลอกอะไรไม่รู้มาเต็มไปหมด สรุปแล้วต้องถอดทั้งสตรัทไปที่ร้านให้เขาเจาะใหม่ จากเวลาที่ควรจะใช้แค่สามสิบวินาทีเป็นอย่างมากหยิบน๊อตสักตัวใส่เข้าไปกลับกลายเป็นสามชั่วโมงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สอบถามได้ความว่าคนที่ใส่....เอ่อ...จริงๆแล้วต้องพูดว่าคนที่ "ไม่ได้" ใส่มาตั้งแต่แรกเขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องใส่ ผมก็นึกขำที่บริษัทใหญ่โตอันดับต้นๆของโลกเขาเอาของที่ "ไม่จำเป็น" ใส่เข้ามาในรถด้วยแฮะ เขามีแต่พยายามลดต้นทุนลดแล้วลดอีกจนรถในปัจจุบันนี้มันกลายเป็น "รถที่ขาด" มากกว่า "รถที่เกิน" จนรถบางรุ่นเข้าไปนั่งแล้วโหวงเหวงเหมือนนั่งอยู่ในป่าช้าคนเดียว
ลองคิดเล่นๆว่าหากปีหนึ่งๆบริษัทนี้เขาผลิตรถออกมา 3 ล้านคัน แต่ละคันมีน๊อตแบบนี้คันละ 4 ตัว เพราะฉนั้นต้องใช้น๊อตทั้งหมด 12 ล้านตัว คิดเล่นๆว่าตัวละ 20 บาท เพราะฉนั้น (อีกที) ต้องใช้เงินถึง 240 ล้านบาทในการใส่สิ่งที่ "ไม่จำเป็น" เข้าไปในรถ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแผนก R&D น่าจะโดนไล่ออกทั้งแผนก