Author Topic: ๑๑๑เรื่องต้องอ่าน วัฒนธรรมเศรษฐีใหม่๑๑๑  (Read 4329 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline เสียอา

  • วัยทองคนองยนต์
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,671
  • Gender: Male
  • Last Login:June 24, 2006, 03:37:13 am
อ่านแล้ว อยากนำมาเผยแพร่ เพราะสังคมไทย มีพวกนี้เยอะจริง

วัฒนธรรมเศรษฐีใหม่

โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์




คําว่าเศรษฐีใหม่หรือ Nouveau Rioche ล้วนมีความหมายในเชิงเหยียดหยาม แต่น้ำหนักไม่เท่ากันนะครับ

ผมคิดว่าคาดหมายเชิงเหยียดในภาษาไทยว่า "เศรษฐีใหม่" เบากว่า Nouveau Riche ในภาษาฝรั่ง เพราะรากเศรษฐีเก่าหรือผู้ดีเก่าของเราไม่ลึก ซ้ำยังร่วมผลประโยชน์กับเศรษฐีใหม่ตลอดมาเสียด้วย

ผู้ดีเก่าไทยที่เหยียดเศรษฐีใหม่ หาความต่างทางรสนิยม, วัฒนธรรม, วิถีชีวิต ฯลฯ ของตัวที่แตกต่างจากของเศรษฐีใหม่ไม่ค่อยได้ หรือได้ก็ไม่ค่อยชัด จึงเหยียดได้ไม่ค่อยเต็มปาก

ผมขอพูดเรื่องนี้ก่อน คือยกตัวอย่างให้ดูว่า ผู้ดีเก่าฝรั่งนั้นดูถูกรสนิยม, วัฒนธรรม, วิถีชีวิต ฯลฯ ของเศรษฐีใหม่อย่างไร

ผู้ดีเก่าฝรั่งเหยียดการดื่มไวน์ฝรั่งเศสทีละมากๆ อย่างที่เศรษฐีใหม่ชอบ ไม่ว่าขวดละเท่าไรก็ตาม เครื่องดื่มของผู้ดีเก่าคือแชมเปญ หากจะมีไวน์ฝรั่งเศสบ้าง ก็เป็นปริมาณที่น้อย ทั้งไม่ดื่มน้ำเปล่าด้วย เพราะเขาจะดื่มโซดาหรือน้ำแร่แทน

เครื่องดื่มที่ผู้ดีเก่ารังเกียจมากคือกาแฟครับ เศรษฐีใหม่เท่านั้นที่นั่งดื่มกาแฟตามโรงแรมหรูๆ ถ้วยละ 2,000 บาท หากกระหายเครื่องดื่มร้อนตอนบ่ายๆ ผู้ดีเก่าจะดื่มชา

ผู้ดีเก่าไม่ไปทัศนาจรปารีส, มอสโคว์ล หรือซานฟรานซิสโก (ซึ่งเศรษฐีใหม่ชอบเรตียกว่าฟริสโก แต่ผู้ดีเก่าต้องเรียกเต็ม) แต่ต้องเที่ยวในที่ซึ่งคนทั่วไปไม่คิดถึงเลย เช่น ไปตกปลาแซลมอนที่อะลาสกา หรือไปล่าสัตว์ในแอฟริกา

ผู้ดีเก่าไม่สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมครับ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม เพราะผู้ดีเก่าสั่งตัดเย็บเสื้อผ้ากับร้านโด่งดังที่ไม่ได้เปิดบริการแกค่คนทั่วไป อีกทั้งไม่นิยมสีจัดจ้าน ส่วนใหญ่แล้วจะใช้สีเรียบและค่อนข้างทึม เช่น ดำหรือเทา มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ใช้สีสด สีเสื้อผ้าที่ผู้ดีเก่ารังเกียจที่สุดคือสีม่วง

อีกทั้งผู้ดีเก่าไม่นิยมใช้เครื่องประดับเพชรพลอย ยกเว้นโอกาสพิเศษจริงๆ เท่านั้น

ผู้ดีเก่าไม่ขี่เบนซ์หรือบีเอ็มหรอกครับ เขาใช้รถธรรมดาเหมือนคนทั่วไป แต่นิยมสีขาว

ผู้ดีเก่าไม่ใส่ใจกับการศึกษาในระบบนัก การศึกษาที่แท้จริงของเขาอยู่ที่บ้าน โดยมีครูพิเศษมาสอน และก็เรียนกันเรื่องการฟันดาบ, ขี่ม้า, มารยาท และอะไรอื่นๆ ที่จะทำให้ไม่แปลกแยกจากสมาชิกวงผู้ดีเก่าด้วยกัน

เพลงคลาสสิค โดยเฉพาะตั้งแต่เพลงรุ่นที่จัดว่าเป็นยุค "คลาสสิค" ลงมา (ตั้งแต่รุ่นโมซาร์ตลงมาโดยประมาณ) นั้นไม่เป็นที่นิยมของผู้ดีเก่านัก ฟังก็พอฟังได้ แต่เขานิยมชมอุปรากรมากกว่า


Offline เสียอา

  • วัยทองคนองยนต์
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,671
  • Gender: Male
  • Last Login:June 24, 2006, 03:37:13 am
หัวใจสำคัญก็คือ เงินไม่ใช่คุณสมบัติสำคัญที่สุดของผู้ดีเก่า แม้ว่าเขาจะมีมากก็ตาม ที่สำคัญกว่าคือรสนิยมครับ (แต่ตั้งสติให้ดีด้วยนะครับว่า อะไรคือรสนิยมที่ดีนั้น ผู้ดีเก่าเป็นคนวางมาตรฐานขึ้นเอง) นัยยะของความนับถือที่มีต่อรสนิยมอันดีนี้ก็คือ เศรษฐีใหม่มีแต่เงิน และด้วยเหตุดังนั้น ผู้ดีเก่าจึงไม่ดูถูกคนจน เพียงแต่ไม่คบค้าหรือสุงสิงด้วยเท่านั้น (เพราะทนรสนิยมและกลิ่นของ "มัน" ไม่ไหวกระมัง)

ความดัดจริตทั้งหมดของผู้ดีเก่าที่ผมยกเป็นตัวอย่างมานี้ ไม่ใช่ประสบการณ์ตรงของผมนะครับ ผมเที่ยวเก็บจากโน่นจากนี่เท่านั้น เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอะเจอผู้ดีเก่าฝรั่งสักคน ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นคนหรือเจตภูติกันแน่

อย่างไรก็ตาม ผมมีข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ดีเก่าฝรั่งอยู่สองสามอย่าง



ประการแรก เห็นได้ชัดอยู่แล้วนะครับ รสนิยมทั้งหมดเหล่านี้สถาปนากันขึ้นเพื่อกีดกันเศรษฐีที่ไร้รากเหง้าในหมู่ชนชั้นสูงออกไป เศรษฐีที่ว่านี้คือคนที่เกิดใหม่ในสังคมฝรั่ง อันเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั่นเอง

ทรัพย์ในสังคมฝรั่งเคยอยู่กับที่ดิน แล้วจู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าที่ทำเงินได้มโหฬารจากการค้าและอุตสาหกรรมโผล่ขึ้นมา มีอำนาจทางเศรษฐกิจที่จะทำอะไรอย่างเดียวกันกับคนชั้นสูง หรือทำให้เหนือกว่าก็ยังได้ ร้ายไปกว่านั้นได้สิทธิทางการเมืองเหมือนคนชั้นสูง ซ้ำยังช่วงชิงเอาอำนาจทางการเมืองไปถือไว้เสียเองอีกด้วย จึงหาอะไรที่น่ารังเกียจแก่คนชั้นสูงเท่าพวกนี้ยาก คนจนผู้ขายแรงงานยังต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนเดิม จึงน่ารักกว่าอ้ายพวก Nouveau Riche เป็นกอง

(อันเป็นคำฝรั่งเศสซึ่งอังกฤษยืมมาใช้เมื่อประมาณสมัยนโปเลียน-ทำไมต้องฝรั่งเศส ก็เพราะพวกเศรษฐีใหม่ไม่รู้จักล่ะสิ อีกทั้งถ้าแปลเป็นอังกฤษว่า New Rich ก็กลายเป็นคำบรรยายกลางๆ ที่ไร้อารมณ์เหยียดหยาม

ผมควรบอกด้วยว่า คำว่า millionaire หรือคนมีเงินเป็นล้าน ก็เป็นคำยืมจากฝรั่งเศสเหมือนกัน และก่อนหน้าคริสต์ศตวรรษที่ 19 อังกฤษก็ไม่มีใครเป็น millionaire หรือมีเงินถึงล้านกันสักคน เพราะอย่างที่กล่าวแล้วว่าทรัพย์ของคนชั้นสูงอยู่ที่ที่ดิน ไม่ใช่เงิน คำนี้จึงมีความหมายถึงเสี่ยที่เกิดใหม่ในอังกฤษและอเมริกาเหมือนกัน)

ประการที่สองก็คือ คุณสมบัติสำคัญของความเป็นผู้ดีเก่าคือเก่าครับ ในยุโรป พวกนี้อ้างกำพืดตัวเองได้เป็นหลายศตวรรษ สมบัติที่ตัวมีอยู่ก็เก่าทั้งนั้น ไม่ว่าบ้านเรือนที่อยู่อาศัยไปจนถึงเครื่องเพชร (แต่ชะชุดย่อมมีประวัติอันยืดยาวของตัวมันเอง ไม่ใช่เพิ่งซื้อมาจากร้านเพชร) คอกม้า หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน

น่าสังเกตด้วยนะครับว่า ส่วนใหญ่ของรสนิยมที่ผู้ดีเก่าถือว่าประเสริฐเลิศหรูดังที่ผมยกตัวอย่างไปนั้น เอาเข้าจริงก็เพราะมันเก่าเท่านั้น เช่นเพลงคลาสสิครุ่น "คลาสสิค" ลงมานั้น ย่อมใหญ่กว่าอุปรากรซึ่งมีจารีตที่เก่ากว่า (และที่จริงมีผลต่อดนตรีคลาสสิครุ่น "คลาสสิค" อย่างมาก เช่น การประกอบวงที่ใหญ่ขึ้น เป็นต้น) หรือระหว่างกาแฟกับน้ำชา ความนิยมกาแฟเป็นแฟชั่นที่เกิดทีหลังชาในยุโรป ก็เท่านั้นเอง หรือผู้ดีเก่าต้องพูดฝรั่งเศสเป็น ก็เพราะครั้งหนึ่งภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาสากลและสัญลักษณ์ของอารยธรรมในยุโรป ถึงปัจจุบันไม่ใช่แล้ว แต่คนที่พูดไม่ได้เลยก็แสดงว่า "พ่อแม่ไม่สั่งสอน"

ประการที่สามคือการเน้นคุณสมบัติของผู้ดีเก่าไว้ที่รสนิยม, วิถีชีวิต, วัฒนธรรม ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ย่อมละเอียดอ่อนเกินกว่าที่คนอื่นจะทำตามได้ (ซึ่งไม่จริงนะครับ คงจำนางเอกบทละครของ เบอร์นาร์ด ชอว์ ที่ภายหลังมาทำหนังเรื่อง My Fair Lady ได้ ชอว์กำลังบอกว่าผิวที่เคลือบผู้ดีเก่านั้นบางมาก ใครๆ ก็ทะลุเข้าไปได้) และคนที่จะหมายรู้ว่าใครคือผู้ดีเก่าจริง ก็คือคนที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างผู้ดีเก่าเท่านั้น เพราะมันละเอียดอ่อนมากเสียจนคนทั่วไปแยกไม่ออก พวกเขาเท่านั้นที่เอาปูนแดงป้ายหัวได้เลยเพียงแค่เห็นวิธีเอาอาหารเข้าปากเท่านั้นก็รู้แล้วของแท้หรือไม่


Offline เสียอา

  • วัยทองคนองยนต์
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,671
  • Gender: Male
  • Last Login:June 24, 2006, 03:37:13 am
อย่างเดียวกันกับที่ปัญญาชนไทยคนหนึ่งซึ่งพยายามเน้นความเป็นผู้ดีเก่าของตัวเคยพูดว่า ราชาศัพท์สำหรับเพ็ดทูลเจ้านายนั้น ถ้าไม่ได้เพ็ดทูลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยแล้ว ถึงจะเรียนรู้มาลึกซึ้งกว้างขวางเพียงใดก็จับได้ว่าของปลอม

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์ทำลายสีน้ำเงินของเลือดลงจนหมดแล้ว ราชาศัพท์จึงกลายเป็นดีเอ็นเอของการอ้างความเป็นผู้ดีเก่าแทน...แหะ แหะ

ผมตั้งข้อสังเกตสามประการนี้ก็เพื่อจะบอกว่าผู้ดีเก่า vs เศรษฐีใหม่เป็นขั้วตรงข้ามซึ่งเกิดขึ้นในบริบททางสังคมบางแห่ง เช่น สังคมยุโรป เท่านั้น ไม่อาจเอาไปใช้ได้ในทุกสังคม เพราะมันไม่ค่อยจะลงล็อคนัก เช่น ใช้ในสังคมไทยแล้วทะ...ๆ พิกลอยู่

เพราะมันไม่มีผู้ดีเก่าในสังคมไทยจริงล่ะสิครับ



เงื่อนไขสำคัญที่จะเกิด "ชนชั้น" ผู้ดีเก่าได้คือการสืบทอดมรดกได้อย่างมั่นคงครับ มรดกในทุกความหมายนะครับ นอกจากทรัพย์สมบัติแล้ว ยังรวมถึงตำแหน่ง, สถานะทางสังคม และอภิสิทธิ์ต่างๆ ด้วย

สังคมไทยโบราณไม่อนุญาตให้เกิดความมั่นคงด้านนี้นอกสถาบันพระมหากษัติรย์หรอกครับ ขุนนางอาจถูกริบราชบาทว์ได้ในพริบตา จากเจ้าพระยากลายเป็นฝีพายหลวงได้ในพริบตาเหมือนกัน (ถ้าหัวยังติดอยู่กับบ่า)

แม้สถาบันพระมหากษัติรย์มีความสืบเนื่องมั่นคง แต่องค์พระมหากษัตริย์ไม่ได้มั่นคงอย่างนั้น เพราะมีการเปลี่ยนราชวงศ์กันบ่อยมาก รากเหง้าของแต่ละราชวงศ์กับรากเหง้าของขุนนางซึ่งอาจถูกริบราชบาทว์ได้ตื้นลึกพอๆ กัน

ยิ่งไปกว่านั้น คนชั้นสูงไทยใช้การค้าเป็นส่วนหนึ่งในการแสวงหาโภคทรัพย์ ทั้งทำเอง ทั้งร่วมทำกับเจ๊ก ทั้งรีดไถจากเจ๊ก ในที่สุดก็ "ร่วมหลับนอน" (cohabit) ในทุกความหมายกับพ่อค้า จนแยกไม่ออกระหว่างกลุ่มคนที่จะเรียกได้ว่าเป็น "เศรษฐีใหม่" กับ "ผู้ดีเก่า" ถ้า คาร์ล มาร์กซ์ รู้จักเมืองไทย เขาจะงงกับสังคมไทยเสียยิ่งกว่าที่เคยงงกับสังคมอังกฤษ นี่มันกระฎุมพีที่ถูกทำให้เป็นศักดินา หรือศักดินาที่ถูกทำให้เป็นกระฎุมพีกันแน่หว่า อาจต้องสร้างศัพท์ใหม่ว่า "กระฎุมนา"

และเพราะผู้ดีเก่าไทยไม่ "เก่า" จริงนี่แหละครับ คนที่คิดว่าตัวเป็น "ผู้ดีเก่า" จึงประสบปัญหาอย่างมากในการแยกตัวเองออกจาก "เศรษฐีใหม่" ผู้ดีเก่าฝรั่งมีเงินใช้ได้ไม่น้อยไปกว่าเศรษฐีใหม่ ฉะนั้น ส่วนหนึ่งของการแยกจึงอาศัยการจับจ่ายใช้สอยเป็นเกณฑ์ เช่น มีคอกม้าแข่งของตัวเอง หรือใช้เสื้อผ้าที่สั่งตัดเฉพาะของตัว แต่ผู้ดีเก่าไทยไม่ได้มีเงินอย่างนั้น จึงใช้การจับจ่ายเป็นเครื่องแสดงกำพืดของตัวไม่ได้ ต้องหันไปอาศัยรสนิยม, วัฒนธรรม, วิถีชีวิตและการคุยโวแทน

เช่น พิมพ์ประวัติของตระกูลแจกจ่าย พร้อมทั้งสาแหรกญาติพี่น้องตั้งแต่บรรพบุรุษลงมาจนถึงปัจจุบัน หรือนุ่งผ้าม่วง หรือไม่กินปลาร้า ฯลฯ

ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเกี่ยวกับรสนิยมของผู้ดีเก่าไทยคือ ใครกินข้าวแล้วไม่กินขนมหรือผลไม้ ย่อมแสดงกำพืดไพร่ชัดๆ เลย

แต่ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เศรษฐีใหม่และคนชั้นกลางสามารถลอกเลียนไปปฏิบัติได้อย่างง่ายๆ ทั้งนั้น ซ้ำเพราะไม่มีสำนึกของผู้ดีเก่า จึงอาจดัดจริตได้เนียนกว่าเสียด้วย

เพราะไม่มีผู้ดีเก่า สังคมไทยจึงเป็นสังคมของเศรษฐีใหม่โดยแท้ แม้มีคนจนอยู่เต็มไปหมดก็จริง แต่เศรษฐีใหม่คือคนที่ถืออำนาจทางการเมือง และอาศัยกลไกของรัฐสมัยใหม่สถาปนาวัฒนธรรมของเศรษฐีใหม่ขึ้นเป็นวัฒนธรรมชาติ โดยไม่มีวัฒนธรรมกระแสอื่นที่มีพลังพอจะต้านทานไหว

ก็เหมือนเศรษฐีใหม่ในสังคมอื่นนะครับ คุณค่าสูงสุดของวัฒนธรรมเศรษฐีใหม่คือเงิน มีมากดีกว่ามีน้อย หาเงินเก่งดีกว่าหาเงินไม่เก่ง ทำอะไรก็ได้ แค่บอกว่านี่เป็นวิธีหาเงิน สังคมก็ยอมรับแล้ว เพราะการหาเงินเป็นความดีในตัวของมันเองอยู่แล้ว


Offline เสียอา

  • วัยทองคนองยนต์
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,671
  • Gender: Male
  • Last Login:June 24, 2006, 03:37:13 am
คุณทำอะไรที่คนจำนวนมากเห็นว่าไม่ชอบธรรม คุณก็อธิบายว่านี่เป็นการต่อยอดทางธุรกิจ เท่านั้นแหละก็จะมีคนอีกมากเหมือนกันโล่งอกไป ก็เขาแค่หาเงินเท่านั้น มันจะมีหรือไม่มีความชอบธรรมได้อย่างไร

เศรษฐีใหม่ที่เป็นนายกรัฐมนตรีอธิบายว่า การเทกโอเวอร์เป็นเรื่องปกติ โดยไม่ต้องจำแนกวิธีการและเป้าหมายของการเทกโอเวอร์ เมืองไทยยังไม่คุ้นเคย แต่เศรษฐีใหม่ที่ไหนๆ เขาก็ทำอย่างนั้นในตลาดต่างประเทศ วิธีไหนๆ เป้าหมายไหนๆ ก็เรื่องหาเงิน และหาเงินย่อมดีในตัวของมันเอง

อาจารย์สมเกียรติ ตั้งกิจวณิชย์ พูดสิ่งสำคัญที่ไม่มีใครฟังทางทีวีว่า สังคมไทยเข้าใจผิดว่าระเบียบของทุนนิยมคือระเบียบของตลาด ที่จริงแล้วทุนนิยมก็มีระเบียบของมันเอง ซึ่งอยู่เหนือตลาด แม้เมืองไทยเองก็มีกฎหมายซึ่งคุมตลาดอีกหลายฉบับ ซึ่งรัฐบาลเศรษฐีใหม่ไม่ยอมประกาศใช้

ผมจึงขอสรุปอย่างที่เคยสรุปไปแล้วว่า คนไทยปัจจุบันนี้ "หน้าเงิน" เพราะเราต่างตกอยู่ใต้การครอบงำของวัฒนธรรมเศรษฐีใหม่ ในสังคมที่ไม่มีกระแสวัฒนธรรมอื่นที่มีพลังพอจะต้านทานวัฒนธรรมเศรษฐีใหม่ได้เลย ฉะนั้น สังคมไทยจึงเป็นสังคมที่ไม่น่าอยู่สำหรับคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ใช่เศรษฐีใหม่ไปทุกที จนกว่าเราจะสำนึกในเรื่องนี้ และช่วยกันสร้างกระแสทางวัฒนธรรมเพื่อต่อต้านวัฒนธรรมเศรษฐีใหม่อย่างได้ผล


 ::)จบแล้วจ้า

noi05

  • Guest
... สุดยอดครับ ...

(เป็นเรื่องที่ คนรุ่นใหม่ที่ยังค้นหาวิถีทางชีวิตของตนเอง ควรอ่านอย่างยิ่ง.. อ่านแล้วคิดไปด้วยนะครับ)

ผมเหนด้วยอย่างยิ่งครับ ...
เดี๋ยวนี้ กระแสของบางอย่าง และการสร้างภาพให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เป็นเรื่องที่น่ากลัวนะ ผมว่า.. ซึ่งมันอาจจะนำไปสู่

" การเข้าใจผิด " ในเรื่องที่ควร หรือไม่ควร ของคนรุ่นต่อไป
จรรยาบรรณ คุณธรรม การสำนึกผิด การรู้ดีชอบและอื่นๆ อาจจะเขวไป
คิดแล้ว ขนลุก...


ปล. ไม่ค่อยชอบคำว่า "นายทุน" แต่ก้อต้องทำงานภายใต้อำนาจทุน อยู่ดี.. ประเทศทายยย

ปล2. อย่าลืมๆ.. จรรยาบรรณ คุณธรรม การสำนึกผิด การรู้ดีชอบ... (เตือนตัวเองๆ ครับ..  ;D )

Offline เสียอา

  • วัยทองคนองยนต์
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,671
  • Gender: Male
  • Last Login:June 24, 2006, 03:37:13 am
บทความนี้ กำลังเตือนกลุ่มวัฒนธรรม พวกFake กลวง และพาPublic โดยไร้แกน

ผมว่าคงเจอกันหลายคน เลยขับรถดีดูหรูหราอาราเร่ แต่ไม่มารยาท ผ่านเยาวราช ตูอยากจะจอดก็จอดมันเลย

ซื้อเกาลัด รถติดช่างมัน

ชอบทำตัวเสียงดัง หัวเราะดังๆ กร่าง แต่งตัวเว่อร์แบบสุดๆ

คงไม่ต้องยกตัวอย่างว่าใครบ้าง  :-[


numcing

  • Guest
เห็น ด้วยครับ..... สุดยอดเลย.......
บ้างครั้งเห็นคนเราทําแต่เรื่องไม่ดี ทําให้คนอื่นเดือดร้อน ก๊เพราะเงิน แต่ตัวเองก็มีจนไม่รู้จะเอาไปใหน  ???
ก็ชอบจะทําอยู่  ผมสงสัยว่า เราน่าจะคิดว่าเกิดมาน่าจะทําสิ่งดีกับผู้อื่น ให้สมกับที่เกิดมา

รวยเก่าหรือใหม่  ??? ;D

Offline OouVintage

  • PainKiller Racing Team
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 10,531
  • Gender: Male
  • Last Login:February 04, 2023, 01:13:03 pm
    • OouVintage
เห็นด้วยในหลายประเด็นครับ
คนไทยหมู่มากชอบของใหม่ขี้เบื่อและบางครั้งชอบใช้เหตุผลโง่ๆว่า "ใครๆเขาก็ทำกัน" ซึ่งเป็นคำพูดของคนไร้จุดยืนหรือไม่มีเหตุผลในการกระทำของคน
หลายคนที่มักง่ายเพราะมันง่ายสมชื่อครับ ไม่ต้องสนใจว่าจะก่อความลำบากให้คนอื่นในสังคมหรือไม่
สำหรับผมกฎระเบียบคือการบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด และมารยาททางสังคมคือตัวเชื่อมให้ทุกคนในสังคมอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขและไม่รบกวนกันและกัน
ผมก็ไม่ใช่ผู้ดีเก่าหรือเจอผู้ดีธรรมดาไม่ต้องเก่าก็ได้

เรื่องคนไทมหมู่มากนิยมเงินนี้รู้สึกมานานแล้วเหมือนกัน
ผมงงมากเลยครับว่าสังคมบ้านเราชอบใช้คำว่า Hi So (High Society) โดยที่บ้างครั้งผมว่าเขาแยกไม่ออกว่า Hi So กับ Hi Profile ต่างกันอย่างไร
แต่พอมาคิดๆดูก็สงสาร เขาเพราะคนที่เขียนบทความต่างๆลงหนังสือหรืออ่านข่าวเขาคงไม่รู้หรือไม่มีใครบอกเขา

Bullitt

  • Guest
อะไรแบบนี้ต้องปลุกฝังกันตั้งแต่เด็กคับ แต่ก็มีมากที่สังคมพาไปคือกลัวการไม่เป็นที่ยอมรับในกลุ่ม
สิ่งที่หายากในปัจจุบันคงเป็น น้ำใจ จริงใจ เห็นใจ หากลืมกันไปนานๆก็บัวแล้งน้ำคับ :-\

Offline เอ้อ

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Sep 2005
  • Posts: 318
  • Gender: Male
  • Last Login:December 28, 2010, 06:32:56 pm
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับผม...

ผมรู้สึกมานานแล้วกับสังคมไทยปัจจุบัน (ถึงผมจะอายุไม่เยอะ ฮ่า ฮ่า) ว่ามันหน้าเงินกันจริงๆเฟร้ยยย..แต่ก็หนีความเป็นจริงของปัจจุบันไปไม่ได้ว่า ไม่มีเงินก็ไม่สบาย...คนเรายังไข้วคว้าความสบายกันเยอะน่ะครับ สิ่งที่เห็นผ่านสื่อต่างๆ การสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องเศรษฐกิจแลอุตสาหกรรม มันฟ้องอยุ่ทนโท่ว่าสังคมไทยกำลังก้าวเดินไปทางไหน

ยังไงก็ตาม จะทำอะไรก็ตาม ขอเพียงมีคุณธรรม มีน้ำใจ จริงใจให้กัน และที่สำคัญคือรู้จักประมานตนเอง สังคมคงจะน่าอยู่มากกว่านี้ครับ

Dinky

  • Guest

    เข้ามาอ่านเอาความครับ....  ::)  อืม..ม  มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน ให้รู้จัก ระแวด ระวัง ระไว  8)

Tags:
 

* Permissions

  • You can't post new topics.
  • You can't post replies.
  • You can't post attachments.
  • You can't modify your posts.




Facebook Comments