Author Topic: รถบัสยุคคลาสสิคมาแล้ว ขอเรียนเชิญท่านผู้โดยสารใช้บริการครับ  (Read 6380 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Loong-Sawasdee

  • "ความพึงพอใจคือความสุข"
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Oct 2005
  • Posts: 2,716
  • Gender: Male
  • Last Login:July 31, 2018, 08:48:55 am
ดูจาก link ที่คุณ Poneo เสนอมาแล้วมีรถบัสสมัยก่อนมากมาย บางคันรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ มีทั้ง dodge ,ford, hino ,benz มากมาย และนอก
จากนั้นก็มีจะรถ classic อยู่หลายคันด้วย
ค่าโดยสารรู้สึกว่าถ้าใน กทม.ยุคแรก 2 สลึง ต่อมา 3 สลึงตลอดสายมั้งถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่า ประมาณ พ.ศ.2520 กว่า ๆ แล้วยังราคา 3 สลึงอยู่เลย   ใครใช้บริการทันบ้าง
ลุงได้เข้ามาใช้บริการเป็นครั้งเป็นคราว  ให้ท่านผู้รู้อื่นเล่าบ้าง น่าจะยกไปอยู่หัวข้ออื่น เสียดายคุณ Poneo ไม่ตั้งหัวข้อมา
« Last Edit: May 06, 2006, 11:04:11 pm by เจ้าบ้านบางกอกฯ »

Offline poneo

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jan 2006
  • Posts: 415
  • Gender: Male
  • Last Login:September 07, 2016, 02:43:24 pm
 :o< รถบัสยุค 60 ของไทย เรียนเชิญท่านผู้โดยสารใช้ขึ้นรถที่ http://www.2bangkok.com/dailybus.shtml ครับ

ขอเชิญท่านผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับรถบัสรถเมล์ในอดีตมาคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับ
ของผมจำได้ว่าตอนเด็กรถเมล์ไม่เสียตังครับ ช่วงป. 5 ป.6 เริ่มโตหน่อยกระเป๋ามาเก็บตังค์ ขึ้นมาตั้งแต่สองบาท
ขออนุญาตแนะนำรถเมล์สปอร์ตพันธุ์ดุ สาย 8 แฮปปี้แลนด์ - สะพานพุทธ - นรก (อันหลังนี้ผมเติมให้) นึกว่าคนขับเค้าขับได้มันยังกะขี่เฟอร์รารี่ เสียวจริงๆเลย จำได้ว่าน.ส.พ.เคยลงว่าสาย 8 เนี่ยแหละ ถูกกร้องเรียนมากที่สุด
ส่วนของรถบัสนี้สมัยก่อน จะมีประตูท้ายรถให้ลงด้วย เหมือนเป็นประตูพิเศษ ผมชอบวิ่งขึ้นวิ่งลงตรงประตูท้าย สนุกดี เดี๋ยวนี้เอาเครื่องยนต์ไว้ข้างหลังกันหมดแล้ว เลยไม่มีรถมีประท้ายให้ดูกัน

ตัวอย่างบางส่วน














ปล.สืบเนื่องมาจากผมได้โพสลิ้งรสบัสของไทยสมัยยุค 60's ไว้ที่กระทู้ http://www.bangkokclassiccar.com/forum/index.php?topic=2738.msg35174;topicseen#msg35174
คุณลุงสวัสดีท่านเสนอความคิดในตั้งเป็นกระทู้ใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ผมจึงขอตั้งเป็นกระทู้ใหม่ ณ ที่นี้ครับ

เอวัง.... ก็มีด้วยประการละฉะนี้
 w^w

Offline Loong-Sawasdee

  • "ความพึงพอใจคือความสุข"
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Oct 2005
  • Posts: 2,716
  • Gender: Male
  • Last Login:July 31, 2018, 08:48:55 am
ตื่นขึ้นมา พบกระทู้ใหม่ของตนเองก็งง แต่ก็ถึงบางอ้อ ขอบคุณคุณ Poneo มากที่จัดการให้ เรื่องรถเมล์นี้เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและความเป็น
อยู่ของผู้คนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะแต่คนกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่รวมถึงคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำธุระในกรุงเทพฯด้วย
คิดดูเถิดถ้ากรุงเทพฯ ไม่มีรถเมล์ผู้คนจะเป็นอย่างไร ประชาชนและประชากรจำนวนหลายล้านคนจะเดินทางกันอย่างไร หลายล้านคนฝาก
วิถีชีวิตไว้กับรถเมล์ .......
     ลุงเป็นคน ตจว.เข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรก พ.ศ. 2504 ประมาณเดือนก็มีนาคม ได้ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกจากหัวลำโพง-สนามหลวง แล้วข้ามเรือ
ไปสิริราช ต่อจากนั้นก็ข้ามคลองบางกอกน้อยอีกครั้ง รู้สึกจะราคา 10 ส.ต. แล้วต่อไปยังวัดดุสิตาราม (มากับพระเป็น ผช.เจ้าคณะจังหวัด ตอนนั่งรถไฟ ไม่ต้องเสียค่าโดยสารเพราะใช้บัญชีพล)  เห็นรถเมล์รูปร่างแปลก ๆ กว่านี้อีกเยอะ แต่ส่วนมากไม่เป็นสีส้ม สีจะขาว สีเทา สีส้มนี่น่าจะสังกัดบริษัทขนส่ง และมีในภายหลัง
     ขณะพักอยูที่วัด ได้ดูโทรทัศน์ของชุมชนที่เทศบาลกรุงเทพฯ ติอตั้งไว้บริการกลางแจ้ง มีแต่ขาวดำ รับช่อง 4 บางขุนพรม พระให้ไปซื้อโอเลี้ยง รีบไปไม่ได้ถาม คนขายถามบอกไม่ถูกเลยตัดใจซื้อ 3 บาท คุณเอ๋ยได้มาตั้งเหยือกใหญ่ ๆ กินได้สักแปดคน
     ต่อมารัฐบาลสมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกให้รถเมล์สายต่าง ๆ รวมกัน เป็น ขสมก.ใน พ.ศ.2518 และเป็นอยู่ตามที่เห็นกันแต่เข้าใจว่าจะแยกกลับไปเป็นบริษัทย่อย ๆ เช่นเดิมอีก
     ขอให้ท่านอื่นที่มีความรู้มากกว่าลุงเข้ามาเล่าต่อนะครับ


Offline poneo

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jan 2006
  • Posts: 415
  • Gender: Male
  • Last Login:September 07, 2016, 02:43:24 pm
คุณลุงตื่นเช้ามากเลยครับ ขณะนี้ผมยังไม่ได้นอนเลย ช่วงนี้กำลังทำวิทยานิพนธ์อยู่ เลยอยู่หน้าจอคอมทั้งวัน ติดบ้านบางกอกเลยครับ

ถ้ากรุงเทพไม่มีรถเมล์ ผู้ใช้รถเมล์มากกว่ารถยนต์อย่างผมคงสาหัสเลยครับ เมืองใหญ่ๆ ปัจจัยด้านการขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ

เรื่อง ขสมก. นี่ไม่ค่อยทราบประวัติเลยครับ คุ้นๆ ว่า เริ่มมาบริษัท รถนายเลิส

แล้วไม่ทราบคุณลุงทันได้ขึ้นรถรางมั้ยครับ อยากรู้ว่ารถรางวิ่งด้วยความเร็วซักเท่าไร

Offline Loong-Sawasdee

  • "ความพึงพอใจคือความสุข"
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Oct 2005
  • Posts: 2,716
  • Gender: Male
  • Last Login:July 31, 2018, 08:48:55 am
มากรุงเทพฯคราวนั้นได้นั่งรถรางด้วย และเป็นการนั่งครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต เท่าที่จำได้รถรางนี่วิ่งไม่เร็วและเวลาวิ่งจะเงียบและไม่มีเสียงดังของเครื่องยนต์ (ความจริงก็ไม่มีเครื่องยนต์)  เขาจะใช้กระดิ่งหรือจะเรียกว่าระฆังแทนแตร เพราะคนเดินถนนจะไม่ได้ยินเสียงว่ารถรางมา  จำได้ว่าคนขับนี่แต่งเครื่องแบบสีกากี เวลาขับนี่รู้สึกว่าจะยืนขับ รถรางนี่ใช้ไฟฟ้านะครับ โดยต่อสายไฟฟ้าครูดไปทางหลังคา และที่แน่ ๆ ต้องมีรางสำหรับให้วิ่งด้วยตามชื่อ ก็คล้าย ๆ รางรถไฟนั่นแหละ ภาษาอังกฤษใช้ว่า Tram  พอจะนึกรูปแบบกับรถเมล์ยูโรในสมัยนี้ได้มั้ง และต่อพ่วงกันเป็นตู้ ๆ และถ้าจำไม่ผิดจะมีชั้น 1 -2 -3  ด้วย ว่ากันว่านักเรียนนายร้อยจะมีกฏห้ามนั่งชั้น 3 และลุงจำไม่ได้ว่ารถรางนี้มาเลิกเสียเมื่อใด แต่ที่ยังมีชื่อเป็นความทรงจำอยู่ก็คือ"หลีกรถราง"
   ส่วนรถเมล์นั้นสมัยก่อนเรียกได้เต็มปากว่า "นั่ง" เพราะแม้จะเต็มแต่ก็ไม่ยัดทะนาน และดูจากลักษณะรถในยุคแรก ๆ แล้ว หลังคาจะเตี้ย คงไม่เหมาะกับการยืน แต่สมัยนี้จะเรียกว่าอะไรดี ยืน หรือ ห้อย หรือ โหนรถเมล์ไป วิถีชีวิตของคนกรุงเทพ ฯ เมืองที่ไม่เหมือนแห่งใดในโลก กรุงเทพฯ คือประเทศไทย

Offline nuivannuys

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2005
  • Posts: 497
  • Gender: Male
  • Last Login:July 18, 2019, 02:21:26 pm
สวัสดีครับ ผมเป็นอีกคนที่ได้เคยนั่งรถเมล์ในสมัยก่อน เรื่องค่าโดยสารนั้นจำไม่ได้แน่ แต่ที่แน่ๆคือ 75 สตางค์ จะมีที่ต่ำกว่านั้นหรือไม่ไม่ค่อยแน่ใจ  แต่ได้มานั่งเอาตอนที่ค่อนข้างโตแล้วคือช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น (สมัยนั้นมีม.ศ.นะครับ) ที่แปลกกว่าสมัยนี้คือรถเมล์มีหลายบริษัทก็เลยมีหลายสี เช่นสีขาวนายเลิศ ข้อน่าสังเกตว่าบางคันก็จะสะกดว่นายเลิดหรือนายเลิศมี 2 อย่าง ทั้งคนขับและกระเป๋าแต่งชุดขาวทั้งชุด (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงไม่ค่อยขาวเท่าไหร่) อันน่าจะเป็นจุดกำเนิดของการเอาผ้าเช็ดหน้ามาทับซ้อนตรงปกเสือ้แล้วเหน็บด้วยคลิปเพื่อไม่ให้มันดำ  แปลกอย่างที่ 2 คนเก็บค่าโดยสารจะสะพายกระเป๋าหนังใบเล็กๆ สำหรับใส่กระบอกที่ใส่ตั๋ว (อันนี้น่าจะเป็นต้นกำเนิดของคำว่ากระเป๋ารถเมล์นะครับ) และบางคันที่กระเป๋ายังไม่เก่งก็จะมีถึง 2 คน คือคุมประตูหน้าและประตูหลัง ซึ่งสมัยนี้ก็ไม่มีแล้ว ขอจบแค่นี้ก่อนครับเดี๋ยวจะยาวน่าเบื่อ  เดี๋ยวเขาจะหาว่าคนแก่พูดมากนะครับ  ;)

Offline Loong-Sawasdee

  • "ความพึงพอใจคือความสุข"
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Oct 2005
  • Posts: 2,716
  • Gender: Male
  • Last Login:July 31, 2018, 08:48:55 am
       อะไรเอ๋ย  เขย่าก่อนเก็บ ?
       สองต่อ ? 
       สามต่อ ?
       สำหรับคนต่างจังหวัดแล้วย่อมไม่ค่อยจะรู้หนทางในกรุงเทพฯ ดี จึงยกให้ "กรุงเทพฯเริ่มต้นที่สนามหลวง" และที่สนามหลวงนี่เป็นจุดเริ่มต้นหรือจุดผ่านของรถเมล์เสียส่วนใหญ่ จะเดินทางไปไหนหรือเดินทางไปไหน สายไหนก็มักจะเริ่มต้นที่นี่ และสนามหลวงมักมีนิยาย ....
       ว่ากันว่าแม้ค่ารถเมล์จะเพียงสามสลึง (คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะใช้คำนี้กันแล้ว) ก็ตาม แต่สำหรับบางคนก็ยังไม่มีและไม่มีเอาจริง ๆ พอกระเป๋า
 รถเมล์จะมาเก็บก็พยักหน้าว่า "ป้ายหน้า" หรือไม่ก็ .....ชูตั๋วเก่าหรือไม่ก็ชี้ไปที่คนข้างหน้า  ก็ไม่มีจริง ๆ นี่ครับ
       สมัยก่อนทหารในเครื่องแบบทั้งขับรถเมล์ เป็นกระเป๋ารถและนายตรวจด้วย เพราะสมัยนั้นมีรถเมล์ ของ ขส.ทบ.,ขส.ทอ. แต่ไม่แน่ใจว่ามี ขส.ทร.หรือไม่
      มีอยู่ครั้งหนึ่งพอรถเมล์จะเข้าสนามหลวงปกติก็ต้องจอดส่งคนโดยสารอยู่ 2 - 3 จุด แต่วันั้นคนขับไม่จอดเลย กลับรีบขับไปอย่างเร็วไม่ยอมให้ผู้โดยสารลงสักคน จนผู้โดยสารตกใจ ....แต่ในที่สุดก็ได้ไปจอดอยู่ที่ห้องขายตั๋ว  ก็ได้ทราบว่าเป็นเพราะเขาท้องเสียอย่างแรงนั่นเอง ...อย่างนี้ก็มี
       
      เชื่อว่าคงจะมีเรื่องราวสนุก ๆ เกี่ยวกับรถเมล์อีกมาก เชิญออกมาเถอะครับ

lima

  • Guest
             ......รถรางสมัยเด็กๆเคยนั่งแล้ว ตื่นเต้นมากเพราะเป็นคนต่างจังหวัด เสียงเงียบ วิ่งช้า

                   ที่จำได้คือรอบๆพระบรมมหาราชวัง และเขตเมืองเก่า ที่นั่งเป็นเบาะบางๆสองแถว

                   บางคันเป็นไม้  สมัยก่อนรถน้อย วิ่งโลด ก๊องแก๊งไปช้าๆ TAXIเป็นAUSTIN แวน

                   สีเทา เหมือนกันหมดทั้งกรุงเทพ

            .......รถเมล์ มีสีแดง เขียว เหลือง ส้ม ขาว น้ำตาล เทา ฯ มีรถเมล์สีขี้ม้า(ทหาร)วิ่งลุมพินี-บางโพ

                   ต่อมามีรถเมล์ ร.ส.พ. แยกตามหมายเลข  ค่าโดยสาร50ส.ต.เอง ปรับเป็น1บาทในเวลาต่อมา ;D

Offline Maximus Hippopotemus

  • Classic Car Enthusiast
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 11,760
  • Country: th
  • Gender: Male
  • Last Login:April 04, 2024, 10:08:30 am
    • MY FACEBOOK
พอเห็นรถรุ่นโน้นก็ชอบรุ่นนี้ก็ชอบรุ่นนั้นก็ชอบ ชอบไปหมดเลยนะ ยอมรับครับว่าชอบไปหมดก็เพราะผมชอบรถคลาสสิคไงครับ

1951 FIAT 1100E
1957 CHEVROLET BEL AIR TOWNSMAN
1963 MB W110 190
1968 MB W108 280S
1970 VW T2 DELUXE
1973 BMW 2002
1985 CHEVROLET SUBURBAN SILVERADO K20
1985 MB W123 300TD
1988 BMW 318i 2dr. M42
1989 CITROEN BX 19 GTi
1991 JAGUAR XJR 4.0
1991 MB R129 500SL

www.facebook.com/maxcud39

Offline OouVintage

  • PainKiller Racing Team
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 10,531
  • Gender: Male
  • Last Login:February 04, 2023, 01:13:03 pm
    • OouVintage
เกิดไม่ทัน อ่านก็ต้องคิดเลขตามไปเพราะตอนโตพอจะใช้เงิน ทุกอย่างก็กลายเป็นบาทนึงแล้ว

Offline โกตี๋

  • สามล้อเท่านั้น ที่เป็นตัวเรา มาจากไหนก็ภูมิใจว่าเป็นบ้านเรา
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 279
  • Gender: Male
  • Last Login:February 25, 2012, 01:34:59 am
ที่ตรังยังอยู่คันนึง เป็นของรพ.แห่งหนึ่งแถมเป็นรร.เก่าที่ผมอยู่ด้วย ตอนนี้ไม่รู้จอดไหนครับ ถ้าเจอแล้วจะนำเสนอให้ครับ รถที่ผมว่ายี่ห้อ เชฟครับ แต่ไม่รู้รุ่นไอไหร
ทำความดีให้คนเกรง ดีกว่าเป็นนักเลงให้คนกลัว จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว

Offline tokenn

  • Trouble is impossible!!!
  • Administrator
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 5,153
  • Country: th
  • Gender: Male
  • Last Login:August 11, 2023, 06:03:41 pm
จำได้ตอน 50 สตางค์ครับ แต่ยังเด็กอยู่ แล้วก็มีประวัติ หฤหรรษ์สาย 8 ด้วย  'b'

คือต้องนั่งจากโรงเรียนแถวปากทางลาดพร้าว พ่วงกับน้องสาววัย อนุบาล 1 กลับบ้านทุกวัน

สมัยนั้นมันซิ่ง คนขับคงเมายาคิดว่า มันเป็นมอไซค์แน่เลยครับ ไม่เคยจอดตรงป้าย แซงแล้วมุด ซ้าย 4 เลน ทแยงไปขวาอีก 4 >*|

คนรอคิวขึ้นเยอะ แออัด เราก็รีบส่งน้องขึ้นด้านหน้า แล้วไอ้คนขับมันก็ไม่รู้จะรีบไปหนาย   >:(

คนขึ้นยังไม่หมด มันก็บึ่งออกไป เราก็ต้องถอยไปขึ้นด้านหลัง ด้วยท่ากระโดดไปโหนราวเกาะบันได  !o!

(เลยเป็นเหตุให้ชอบโหนราวประตูหลังรถเมล์จนจบมัธยมต้น ก็เพราะสาย 8 นี่แหล่ะ  :-X)

ปรากฏว่า พอรถวิ่ง เจ้าน้องสาวเราเห็นเราไม่ขึ้นด้านหน้า ก็เลยลงจากรถ ส่วนไอ้ผมก็เกาะดมรักแร้คนบังหน้า ไม่เห็นน้องสาว

สุดท้ายถึงบ้านเก่า แถวภูเขาทอง เพิ่งรู้ว่า น้องหาย  'b' ซวยซิเรา  [a] แม่ฆ่าแน่

ฝนก็ตก เลยโทรเรียกมอไซค์ที่บ้านมารับแวะย้อนกลับไปดูทุกป้ายจนถึงโรงเรียนเลย  :o

สุดท้าย เลยยอมโทรศัพท์ไปบอก พ่อแม่ที่บ้าน กะว่าซวยแน่

พอแม่รับสาย บอกว่า ทำไมให้น้องนั่งรถผิด ไปลง เสาชิงช้า ดีน่ะที่น้องจำเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านได้

(ประมาณว่า โชคดีที่เบอร์ที่บ้าน จำง่าย แบบว่า ตอง+เรียง แล้วน้องผมเค้าฉลาดง่ะ)

ให้กระเป๋ารถโทรมา แล้วไม่ร้องไห้ด้วยน่ะ

ทุกวันนี้ ติดหนี้ บุญคุณความฉลาดน้องสาว เลยสัญญาว่าจะเลี้ยงขนมไปจนจะกว่ามีสามีเลี้ยงแทนเลย  ;>#

นี่ครับ ความหฤหรรษ์สาย 8 ของผม  D:X

 w^w



Trouble is something to Learn,
Learning how to Fix.
Fixing something is to Think,
Thinking how to be Mature -> a little rascal again!




Tags:
 

* Permissions

  • You can't post new topics.
  • You can't post replies.
  • You can't post attachments.
  • You can't modify your posts.




Facebook Comments