BKCC - Bangkok Classic Car House v.2016

General Category => รวบรวมกระทู้ที่น่าสนใจ => การบูรณะรถคลาสสิค => Topic started by: pin1935 on June 16, 2006, 03:14:49 pm

Title: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: pin1935 on June 16, 2006, 03:14:49 pm
                        เรื่องราวของต่างๆของผมที่เกี่ยวกับรถยนต์ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็ก ผมจำได้ว่าพ่อผมขับ VAUXHALL STATION WAGON พาผมกับน้องๆไปเที่ยวที่ต่างๆ รู้สึกว่ามันใหญ่ดี เพราะเบาะหลังพอพับแล้วที่โล่งมาก วิ่งไล่จับกันได้เลย แล้วก็นอนหลับกัน กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในรถนั่นแหละ...
                        ต่อมาในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ.2513)ผมอายุ 10 ขวบ ผมเห็นรถVOLKเต่าของอาที่ขับมาหาพ่อผมที่บ้าน มองว่านี่มันรถอะไรกัน รูปร่างประหลาด เปิดดูฝากระโปรงหน้า ไหงไม่มีเครื่องยนต์ แต่ดันเอาไปไว้ท้ายรถ แต่ที่ชอบที่สุดคือด้านข้างของเจ้าเต่ามีกาบข้างเอาไว้ยืนได้ ผมชอบยืนตรงนี้ เอามือเกาะที่กระจกข้างแล้วก็ขย่มๆ จินตนาการว่าเป็นยานอวกาศอะไรทำนองนี้
                        อีกคันที่ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดคือ MAZDA “ลูเช่” 4 ประตู ปี 1968  สีบลอนด์เงินวาววับ ที่ผมบรรยายจนเลอเลิศก็เพราะสมัยก่อนมีรถสีนี้น้อยมาก น้อยจริงๆ น้อยจริงๆนะตัวเอง เชื่อหรือยังว่าน้อยจริงๆ....ขอโทษครับพูดมากไปหน่อย....โอเค...ต่อ..ต่อ ผู้เป็นเจ้าของรถคันนี้คือน้าชายแท้ๆของผมเอง แกทำงานที่กระทรวงต่างประเทศเป็นเจ้าหน้าที่อะไรซักอย่างนี่แหละ แกได้ไปประจำที่ประเทศญี่ปุ่น พอย้ายกลับแกก็นำเข้ารถยนต์คันดังกล่าวกลับมาด้วย มาขออยู่ที่บ้านชั่วคราวเพราะบ้านแกที่สร้างไว้ยังไม่เสร็จ น้าผมคนนี้ร้ายจริงๆ เพราะว่าไม่ได้นำเข้ารถคันนี้อย่างเดียวนะครับ แกเอาเมียญี่ปุ่นนำเข้ามาด้วย.....คุยเรื่องรถต่อดีกว่า ฮิ ฮิ...
                        เจ้าMAZDAนี่ผมติดใจมาก เพราะในสมัยนั้น ทุกวันศุกร์ตอนเย็นสถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรหม จะมีหนังญี่ปุ่นชุดตอนละ 30 นาที ก็ยุคเดียวกันกับยอดมนุษย์อุลตร้าแมนฮายาตะนั่นแหละ แต่ชุดนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเอกปราบเหล่าร้ายโดยมีรถยนต์รุ่นนี้ (ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง..)เป็นคู่หูของพระเอก มีอุปกรณ์ช่วยเหลือสารพัด ประมาณว่าเป็น James Bond 007 ฉบับ Japaneseว่าขั้นเถอะ ที่จำได้แน่ๆคือเจ้ารถคันในหนังมีไอพ่นพุ่งจากใต้ท้องรถทำให้สามารถบินได้ โม้styleหนังญี่ปุ่นยังงัยยังงั้น รูปลักษณ์ภายนอกคล้ายๆ CORVETTE STINGRAY นิดๆ คือค่อนข้างเป็นรถสปอร์ต แต่ผมไม่ทราบว่ารถในหนังกับรถน้าผมสีเดียวกันหรือเปล่า เพราะทีวีเป็นทีวีขาว-ดำ แต่สีมันอ่อนคล้ายกัน
                        รถของน้าผมติดแอร์จากโรงงานด้วย (สมัยก่อนรถติดแอร์น้อยมาก สงสัยอากาศไม่ค่อยร้อยเหมือนสมัยนี้ แต่ถ้าจะติดก็ต้องเป็นแอร์ตู้) เครื่องเสียงเป็นวิทยุเทปสเตอริโอ”8 track”ครับท่าน...สุดยอด....ผมชอบอ้อนน้าแกให้ไปส่งที่โรงเรียนบ่อยๆ นั่งรถน้าแกเท่ห์ดี เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ฟังเพลงญี่ปุ่นจากเทปแก ไม่รู้เนื้อเพลงซักคำ แต่ก็เพราะดี น้าคนนี้ได้มาอาศัยที่บ้านอยู่ปีกว่าๆ แกก็ไปอยู่บ้านแก แต่แกก็ไปมาหาสู่ที่บ้านเป็นประจำ สี่ห้าปีต่อมาแกก็ขายรถคันนี้ให้เพื่อนแกไป ผมถามน้าว่าทำไมไม่ขายรถให้พ่อผม แกบอกว่าแกถามพ่อผมแล้ว แต่พ่อผมไม่เอา ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยเห็นรถคันนั้นอีกเลย
                        พ่อผมไม่ชอบรถสองประตู แกว่าถ้าซื้อรถทั้งทีต้องซื้อรถที่มีสี่ประตู ถ้าซื้อรถสองประตูแกบอกว่าขาดทุน...แกก็มีเหตุผลเนอะ....!?!..ก็ว่ากันไป..ขำ..ขำ..สรุปว่า....พ่อผมได้ขายรถคันเก่าไป แล้วแกก็ซื้อ SUBARU FF1 1300cc....เป็นเกียร์มือ 4 speed ครับ ที่พ่อผมแกเลือกรุ่นเกียร์มือ แกให้เหตุผลว่า เกียร์มือนะไม่เกะกะดี ไม่ต้องมีคอนโซลกลาง แล้วเบาะหน้าก็เป็นเบาะยาวกว้างๆ เหมือนมีเบาะหลังสองเบาะ และรถSUBARU เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า ไม่มีเพลากลางและเฟืองท้าย เวลานั่งข้างหลังรู้สึกโล่งๆไม่มีโหนกตรงกลาง สบายดีออก
                        ในตอนนี้ผมเรียนอยู่ในระดับมัธยมฯ แล้ว ขายาวพอที่จะเหยียบเบรกเหยียบคลัชได้แล้ว ผมให้พี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องสอนขับรถให้ ทีนี้ละ ถ้ารถจอดอยู่เฉยๆผมจะขออนุญาตขอใช้รถออกไป”ร่อน”ซะหน่อย (ไม่รู้สมัยนี้เรียกอะไร แต่สมัยก่อนเรียก “ร่อน” )ก็คือขับรถไปหาเพื่อน  รับเพื่อนไปดูสาว รับเพื่อนไปกินก้วยเตี๋ยวทำนองนี้
                        ท้องถนนสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้นะครับ รถน้อยกว่ามาก ถนนก็แคบ ผมอยู่ถนนพหลโยธินเป็นเลนสวนกันตลอด ถ้านึกภาพไม่ออก ผมแนะนำให้ไปซื้อDVD ของ James Bond 007 ตอน The man with the golden gun มาดู ภาพยนต์เรื่องนี้ยกกองถ่ายมาเมืองไทยในปี ค.ศ.1973(พ.ศ.2516)...ปีเดียวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ นั่นแหละ แต่เขามาถ่ายก่อนเดือน ตุลาฯ ครับ ในหนังจะเห็นหลายสถานที่ครับ รวมทั้งรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนนในสมัยนั้น ถ้าได้ดูแล้วจะเห็นว่าบ้านเรามีรถมากมายหลายแบบ เป็นประกอบนอก(คือนำเข้า)ทั้งหมด อย่างเช่นลองกรุณาสังเกตรถตำรวจซิครับ ยังเป็นรถอเมริกันพวงมาลัยซ้ายเลย ( ผมกำลังมีไอเดียที่จะรวบรวมข้อมูลและเขียนเรื่องรถยนต์ในหนังแอคชั่นอยู่ ขอเวลาซักพักนะครับ)..ในหนังไทยก็มีนะครับ ผมซื้อVCD เรื่องอินทรีทองกับเพชรตัดเพชร ยุค มิตร ชัยบัญชา เป็นพระเอก ในหนังอินทรีทอง ตัวโรม ฤทธิไกร(มิตรฯ)ขับ MUSTANG FASTBACK พวงมาลัยซ้ายซะด้วย ตอนนี้นึกอะไรไม่ออกแล้ว เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ .......ยังมีต่อ เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการครับ
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: ponke30 on June 16, 2006, 04:35:18 pm
ดีครับ
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: tokenn on June 16, 2006, 04:47:55 pm
 "v" อันนี้ ส่งประกวดเรียงความในงานได้เลยครับ ไม่ใช่อ่านเล่นๆอย่างเดียว  :-!

My Life, My Classical car : The Fairy Tale Stories
http://www.bangkokclassiccar.com/forum/index.php?topic=2880.msg36789#msg36789

 :afro:

Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: korn on June 16, 2006, 05:07:06 pm
อ่านแล้วซึ้งครับ อยากเขียนบ้างแต่ไม่มีเวลา ไว้จะพยายามบ้างครับ
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: preaw-wee on June 16, 2006, 06:02:47 pm
เล่าเรื่องได้สนุกมากครับ  รออ่านตอนต่อไป
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: thaidub on June 16, 2006, 06:18:15 pm
great story
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: lima on June 16, 2006, 11:01:57 pm

                   .....อย่าลืมมาเล่าเรื่อง FF1  ต่อนะ ชอบ   :azn:     
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: เจ้าบ้านบางกอกฯ on June 17, 2006, 12:11:22 am
รอฟังอยู่ครับพี่
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: khem_thekop on June 18, 2006, 02:50:50 pm
รออ่านด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน 

แหม..อยากเห็นลีลาน้าพี่ที่ว่าเหลือร้ายจริงๆ
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: playtg on October 10, 2009, 12:13:45 am
ไม่อยากให้กระทู้นี้หายไปเฉยๆ ขออนุญาตเขียนต่อจากคุณ Pin 1935 แต่เป็นเรื่องของผมแล้วกันนะครับ น่าจะร่วมสมัยกันสำหรับผม รถที่บ้านคันแรกเป็น Chevrolet Bel air แบบwagon ปี 1963 นั่งนิ่มสบายไปไหนไปกัน เรามีรถคันนี้อยู่นานพอควร จนกระทั่งสุดท้ายขายไปในราคาที่น่าเสียดายมากคือ ไม่ถึง 35,000 บาท โดยแค่เหตุผลว่า รำคาญ ขี้เกียจซ่อม ซึ่งผมรู้สึกว่าไม่ค่อยแฟร์สำหรับรถ เพราะดูเหมือนพวกพี่ๆ ผมจะไม่ยอมดูแลมันมากกว่า ไม่ยอมดูแลแม้แต่จะเปลี่ยนกรองอากาศ ถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือเปลี่ยนหัวเทียนดีๆ สักชุด จากนั้น ครอบครัวเราก็ว่างเว้นจากการมีรถมาหลายปีในระหว่างนั้น เราก็อาศัยบริการจากแท็กซี่ป้ายดำแถวบ้าน รับ-ส่งเราไปโรงเรียนก็วนเวียนกันไปมีทั้งตั้งแต่ Toyota Crown RS40, RS50 บางวันก็นั่ง Datsun310 สมัยก่อนรถไม่ค่อยติดแอร์กัน พวกผู้ชายก็ชอบใน้มันแต่งผมจนมันเยิ้ม เวลาขับรถเปิดหน้าต่างรับลมก็รับเอาฝุ่นไปด้วยเต็มๆ เพราะฉะนั้น ผ้าบุหลังคาตรงตำแหน่งคนขับ จะเห็นเป็นรอยคราบดำๆ ก็น่าจะมาจากฝุ่นบวกกับครีมแต่งผมของหนุ่มๆ โชเฟอร์ในสมัยนั้น
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: playtg on October 10, 2009, 12:22:13 am
แท้กซี่ป้ายดำก็จะต่างจากป้ายเหลือง ตรงสีป้ายทะเบียนครับ แท้กซี่ป้ายดำก็คือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เอามาหารายได้พิเศษเป็นรถรับจ้างนั่นเอง เหตุที่เรียกเป็นป้ายดำเพราะในสมัยก่อน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะใช้ป้ายทะเบียนสีดำจนกระทั่งประมาณช่วงปี 2519-2520 ที่เปลี่ยนจากป้ายสีดำเป็นป้ายสีขาว ส่วนแท้กซี่ป้ายเหลือง ก็ยังคใช้ป้ายเหลืองตามปกติ เมื่อก่อนแท้กซี่ป้ายเหลืองก็มักจะเป็น Blue
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: playtg on October 10, 2009, 12:33:27 am
มักจะเป็น Blue bird 410 หรือ Toyopet RT40 ซึ่งในเว็บนี้ก็มีสวยๆให้เห็นอยู่หลายคัน ในช่วงที่เรียนประถมปลาย เป็นช่วงที่ธุรกิจของน้าชาย 2 ท่านของผมเริ่มก่อร่างสร้างตัว เขาทั้ง 2 คน ชอบรถ มักซื้อรถคล้ายๆกัน หรือรุ่นเดียวมาขับเสมอ แล้วก็พาเราไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน โดยเฉพาะเทศกาลรวมญาติของชาวไทยเชื้อสายจีนคือเชงเม้ง แล้วมาติดตามกันต่อนะครับว่า Japan+Europe+USA=My Life ของน้าชาย ที่คนจีนแต้จิ๋วเรียกกันว่า อากู๋ ของผมเป็นอย่างไร รถที่อยู่กับเขาทั้ง 2 ในช่วงรุ่งเรือง วิกฤต และจนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: thaidub on October 10, 2009, 12:51:04 am
รออ่านต่อครับ  :-!
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: 678 on October 10, 2009, 09:52:34 am
 :good: :good: :good:  อ่านแล้วเห็นภาพเลยครับ พอดีสมัยนั้นก็ชอบทั้ง Mazda Luce;Subaru FF1 ;Crown MS55 เพราะเห็นแทบทุกวัน ถ้ายังไงก็ช่วยมาเล่าต่อนะครับ :smitten:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: kookie on October 15, 2009, 10:10:55 pm
มาปูเสื้่อรออ่านต่อ  :rolleyes:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: v_ken on October 16, 2009, 08:58:47 pm
 :smitten:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: ravin on April 16, 2010, 12:39:42 pm
รออ่าน ด้วยครับพี่  เขียนดีจริงๆ    :good:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: BenzBug on April 25, 2010, 10:44:06 pm
รออ่านด้วยคนครับ  ผมก็เป็นคนนึงที่ร่วมยุคนั้นอยู่  อ่านแล้วเห็นภาพเลยครับ  :good:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: Gadget325 on May 04, 2010, 01:41:25 pm
 :good: มาตามอ่านด้วยครับ  :grin:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: pow892 on May 09, 2010, 12:09:17 pm
wow   wow   wow   :a_laugh:   ป๋าลงมือเขียนตำนานเองเรยนะฮะ อ่านแล้วนึกตามไปด้วยเห็นบรรยากาศที่ซอยในบ้านป๋าเลย  แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้มีโอกาศพบป๋าล่ะครับตอนนี้ต้องขับเรือบินไปประเทศนอกบ่อยมากรึเปล่าล่ะครับป๋า  น้องๆที่ก๊วนเมกันถามหาป๋ารูปหล่อกันตรึมแล้ว เจ้า gto. ใกล้ทำสีเสร็จรึยังครับ
คิดถึงป๋าจังคร๊าบ  จุ๊บบบบบบบบบบบ   :><:
Title: Re: Japan+Europe+USA=My Life ตอนที่1(อ่านกันเล่นๆ)
Post by: pae-monster on July 03, 2010, 07:17:48 am
 :><:   สุดยอดตำนาน