ตอนนี้ปัญหาของเรื่องMy Life, My Classical car : The Fairy Tale Stories นั้นคือ ผู้เขียนไม่รู้จะเริ่มเรื่องเล่ายังไง ผมเองว่าต่างคนต่างแบบ ต่างคนต่างสไตล์ แนวใครแนวมัน
แต่เพื่อความเข้าใจผมขอนำร่องให้เป็นตัวอย่าง เออเกือบลืมบอกไป เรื่องดังกล่าวผมจะเก็บไว้เป็นสองส่วนคือ
"
Snap My Life, My Classical car : The Fairy Tale Stories"คือการแอบเอาเรื่องมาจากในบอร์ด และ
แบบผู้ส่ง ตั้งใจส่งมาครับเอางั้นผมของเริ่มเลยนะครับ
สมมุตินามตามท้องเรื่องว่าผมเป็นเจ้าต่อแล้วกัน
ชีวิตของผมตั้งแต่จำความได้ พ่อผมก็ขับรถแบบ
จิ๊กกาโล่เป็นหลัก
ไม่ว่าจะตรางู ตราเฟียต มีตราดาวบ้าง บีเอ็ม วอลลโว่ แต่พ่อผมก็ยังชอบรถมักกะโรนีเสมอ
แต่จะด้วยสันดานพาลพาโลโฉเก ผมก็ชอบรถแบบพ่อ และขับรถโฉบเฉียวไฉไลตามพ่อไปด้วย
จนวันหนึ่งเป็นวันแรกที่ผมขึ้นครู ปกติพ่อจะเอาผมนั่งตักขับรถเวลาก่อนเข้าบ้าน มาวันนั้น พ่อลงไปซื้อบุหรี่ แล้วเจอเพื่อนเลยตบไปเบียร์ไปสองขวด
ผมนั่งรอให้รถตรางูที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ...เครื่องติดอยู่ เอาว่ะลองดู อย่างมากก็โดนบ้อง
สมัยนั้นผมอยู่ม.สามหนักแปดสิบโล ใจเกินร้อย เพราะกินเอ็มร้อยเวลาท่องหนังสือ..ผมค่อยก้าวข้ามเบาะไปนั่งหลังพวงมาลัย..
" ว๊าว พวงมายน้องอัลช่างอวบอิ่มน่าลูบไล้ คันเร่งก็เต็มอุ้งเท้า..(ผมนึกถึงหน้าเพื่อนที่แอบขโมยกินลูกชิ้นของผมในชามก๋วยเตี๋ยวที่โรงเรียนอาหารเมื่อกลางวันเลยเผลอกดคันเร่งไปที)
บรื๊อ... เวลาเกียร์ว่าง เสียงเครื่องสะเด่าโห้ดีแท้...
ผมหันไปบอกพ่อผม..ถ้าจะยาวว่ะ เพราะแกสั่ง
ยำแหนมกับยำไข่แดงมา พลางวุ้นขวดที่สามก็ถูกรินอีก..
ไหนๆก็ไหนๆ ผมจำวิธีการขับของพ่อได้ ลองดู ว่ะ ว่าเลยมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของผมก็ค่อยๆปลดเบรกมือลง..เบาๆ ราวๆกับตอนรูดซิบกางเกงเวลาติดปลายจู๋
เท้าซ้ายกดไปที่ครัช พลางนึกถึงไอ้หัวหัวรีดโต๊ะข้างหน้าที่ผมชอบแกล้งถีบมัน
เท้าขวาค่อยๆกดคันเร่งพลางผ่อนเท้าซ้าย ...
..กึ๊ก...รถดับพลางกระตุกไปนิดหน่อย...
"เอาไงว่ะ" เช็ดครก ตูจะรุ่งไหมเนี่ย ผมขยับแว่นหันไปมองพ่อ.. พ่อผมกำลังจิบวุ้นแกล้มแหนม อยากรส คงไม่ได้สังเกตหรือนึกถึงว่าผมจะกล้าในสิ่งที่พ่อนึกไม่ถึง..
"ไอ้อ้วนทำไรว่ะ" เสียงไอ้เปี๊ยก เด็กขายเรียงเบอร์แถวบ้าน เดินมาเกาะกระจกรถตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้ขับรถแล้วหรือ เท่ห์โคตร มันถามแบบไม่ประสา
ผมหมุนกระจกลงแล้วบอกมันว่า
"ตูมาพ่อมากินเหล้าว่ะ พอดีเบื่อๆเลยมาฟังวิทยุในรถ บัวชมพูออกชุดใหม่พอดี" ผมมั่วไปนั้น
ไอ้เปี๊ยก ชะโงกหัวเข้ามาในรถ
"ไหนว่ะ ไม่ได้ยินเสียงเพลงเลย"..ตายเห่อ
ผมลืมไปว่าพ่อแกะวิทยุไปซ่อม (ที่จริงแกถอดไปไหนไม่รู้ ผมเลยว่าซ่อมไว้ก่อน)
ผมเลยมั่วไปว่า
"เพิ่งปิดไป พอดีเพิ่งจูนเครื่องมา ลุงสืบจูนให้ เสียงหวานมาก "ว่าแล้วผมก็บิดกุญแจติดเครื่อง แล้วเบิ้ลๆเบาๆให้มันฟังพอเป็นพิธี
ทว่าไอ้เปี๊ยกยังไม่ยุ่งสอด
"เฮ้ยๆไอ้ต่อ ขอตูลองเข้าไปนั่งได้ไหม รถสวยตูชอบว่ะ"ผมหันรีหันขวาง สองจิตสองใจ แต่อาศัยว่าน้าไอ้เปี๊ยก น้าแมวที่ทำร้านเสริมสวยอยู่ปากซอยก็สวยถูกใจ ว่าจะได้ให้มันไปปล่อยข่าวสักหน่อย
"เอาๆขึ้นมานั่งข้างหลังแล้วกัน อย่าตดแบบตอนเล่นซ่อนแอบนะโว๊ย เหม็นยังกะฮิปโปโดนหมกเชิงดอยสุเทพ"ไอ้เปี๊ยกไม่เถียงอะไร มันก็รีบเปิดประตูรถขึ้นมานั่ง..
"เฮ้ยต่อ ตอนรอป๋าตู่ เอ็งพาข้าไปวนๆปากซอยหนังหนียวหน่อยสิ วันก่อนแม่ค้าขายบัวมาใหม่น่ารักโคตร" ผมจะอยู่เฉยก็เสียฟอร์ม เลยพันไปบอกมันว่า
"
เออ รีบไปรีบกลับนะ เดี๋ยวพ่อตูหันมาไม่เจอเขาจะบ่นเอา"(ที่จริงจะตื๊บเอา)
ว่าแล้ววงล้อแรกในชีวิตของผมก็เริ่มขึ้น....
"บรื๊อ...บรื๊อสสสสสส"รถไม่ดับวุ๊ย ผมดีใจ รถค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
"เก่งนี่หว่า"เจ้าเปี๊ยกตบบ่าแล้วชมผม
...ถนนนี้ช่างแสนจะสวยงาม อากาศเย็นๆ แสงไฟจากโคมรถส่องไปข้างหน้าอย่างรื่นรมย์..มันเป็นมันรู้สึกแรกที่ผมปล่อยวิญญาณไปกับรถตรางู...
คืนนั้นพ่อผมจิบวุ้นไปโหลเต็มๆ ปล่อยให้ผมเอารถไปวนในซอยแถวบ้านราวๆสามกิโล แล้วกลับมาจอดกลับหัว
แต่พ่อผมแกจำไม่ได้ ผมนอนหลับที่เบาะคนนั่ง ไอ้เปียกก็เสือกหลับที่เบาะหลัง
มันยุ่งที่พ่อเรียกผมขึ้นไปนอน โดยไม่เห็นไอ้เปี๊ยก และผมก็ลืมว่าไปว่า
ไอ้เปี๊ยกหลับอยู่ในรถ กว่าครึ่งวันที่ไอ้เปี๊ยกตื่นมาแล้วนั่งเหงื่อตก ปากคอสั่นในรถ ดีที่พ่อรถแง้มกระจกดูดหรี่ตอนขับรถกลับบ้าน...มันเลยยังมีอากาศหายใจ
ผมโดนพ่อบ้องกบาลไปสองทีในฐานะเอารถไปแอบขับ ที่จริงแกบ้องเรื่องไอ้เปี๊ยกมากกว่า
ที่ไม่บอกแก
ทุกวันนี้เวลาผมขับรถ ผมก็หันไปมองเบาะหลังเป็นประจำ และคิดถึงเพื่อนผมตอนนี้ที่มันเรียนวิศวะยานยนต์ เพราะข้องใจที่หาที่เปิดรถอิตาลีไม่เจอ
เนี่ยแหละครับนิทานฝันหลังพวงมาลัยของผม ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่า เพราะมันเสียหายและเป็นผู้เป็นคนมากที่สุด นอกนั้นมันวินาศสันตะโลกันโดยแท้
ถึงอย่างไรผมก็ยังมีใจรักในรถแบบสปอร์ต จนตั้งชื่อสถาปนาตัวเองว่า
"หนุ่มน้อยหัวใจสปอร์ต ยอดมือระเบิด เกิดผิดยุค ฮุคหมัดตรง จริงใจจริงจังฟันนี่ครับ" ..