Author Topic: projekt e30 coupe สองน้องช่วยปั้นดินให้เป็นดาว...หรือเปล่า  (Read 674811 times)

0 Members and 12 Guests are viewing this topic.

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
Quote
hp/weight ratio ประมาณ 6.9hp/kg

เอาจริงเหรอครับ   :good:

เอาจริงครับพี่เอ แฮ่ๆ อยางลองวิชามานานแระครับ :evil:

มีของดีเหลือๆเอามาแบ่งบ้างนะครับ
« Last Edit: October 12, 2010, 03:37:22 pm by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
น่าจะออกมาสไตล์แนวๆนี้เลยหรือเปล่า
(เห็นหน้าเจ้าสองคนที่ไปนั่งถ่วงน้ำหนีกอยู่ข้างหนังแล้วน่าสงสารจัง คงจะหวาดเสียวไม่น้อย)

Sierra Cosworth Texaco Touring Car Dyno

ผมเป็นคนหนึ่งที่นับถือ cosworth มากๆ ถือเป็นเครื่องยุคเดียวกับ e30 ที่น่ากลัวมากๆ ในอังกฤษเพื่อนผมมี sierra RS 400 ม้าคันนึง ทนทายาดเลย แล้วทำได้แรงนั้นง่ายมากๆอีกตะหาก
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

เอาล่ะ เมื่อวานงานว่างเว้นเลยหนีงานมาทำการบ้านได้หน่อยนึง
ได้ไปทำการค้นคว้าเรื่องเทอร์โบต่างๆที่พอจะเอามาใช้กะเครื่องตัวนี้ได้ อย่างแรกเลยที่ผมไม่ได้คิดอยากเอาเทอร์โบที่มีอยู่แล้วที่ใส่กับเครื่องอื่นๆมาทำ เพราะว่ามันไม่ได้อย่างที่เราคำณวนเอาไว้ ก็เหมือนกับว่าเราไปสั่งสูทแล้วเราไปซื้อที่เค้ามีขายอยู่แล้ว ใส่ยังไงมันก็ไม่พอดีตัว สู้เราตัดแบบพอดีๆ เพิ่มเงินอีกหน่อยแต่อยู่ได้อีกยาวไม่ดีกว่าเหรอ

แล้วเทอรืโบมีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น แล้วจะเลือกอันไหนดีล่ะ  %:( นั่นสินะ....
มี criteria ที่ผมใช้เลือกเทอร์โบก็คือ

1. ต้องเป็นเทอร์โบตลาดๆ ซื้อง่ายขายคล่อง เหมือนนากา rolex นั่นเอง

2. ต้องเป็นเทอร์โบที่สามารถหาที่ซ่อมได้ง่าย ไม่ใช่ใช้เทอร์โบหรูหรา ราคาแพง แต่พอพังหรืออยาก upgrade ตายห่ะ ไม่มีอะไหล่เลย ต้องส่งกลับไปนอกอย่างเดียว หรือว่าต้องรออะไหล่นานเป็นเดือนๆ

3. เน้นว่าต้อง aftersales ต้องดี เพราะก็เหมือนข้อข้างบน ถ้าเรามีปัญหาอยากเคลม ฯลฯ ถ้าเราซื้อจากร้านทั่วๆไป เค้าจะทำอะไรได้บ้าง อย่างมากก็สั่งอะไหล่มาให้

4. warranty ต้องมีและต้องครอบคลุมทุกอย่างด้วย อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าที่บ้านเราจะได้แค่ไหน เพราะรู้ๆกันอยู่บ้านเราไม่มีนโยบายคืนเงินถ้าไม่พอใจ

ก็มาด้อมๆมองๆหลายๆร้าน ก็มีเข้าตาก็คือเทอร์โบที่ค่ายรถหลายยี่ห้อเลือกใช้นั่นเอง มีตัวแทนอย่างเป็นทางการในบ้านเรา มีการรับประกัน และมี service center ที่ดูดีและมาตรฐาน ยี่ห้อนั้นคือ......Garrett ครับพี่น้อง

จากการเข้าไปสืบค้นข้อมูลต่างๆนานนับชั่วโมง จนผมตาลายเวียนหัว ได้คัดเลือกเทอร์โบมาประมาณ 5 ลูก ใช้อะไรคัดนั้นไม่มีไรมากครับ....เดาโลด พยายามหาขนาดที่มันน่าจะเหมาะกับปริมาณอากาศที่เราจะใช้

หลายคนอาจจะไม่ได้เลือกเทอร์โบแบบผม บางคนอาจจะคิดว่าเครื่องนั้นเครื่องนี้เหมาะกะเทอร์โบแบบนั้นแบบนี้ ยี่ห้อนั้น เครื่องขนาดนั้น มันเหมือนๆกะเครื่องเรานี่หว่า งั้นเอาเทอร์โบแบบนั้นเลยล่ะกัน หรือบางคน เปิดไปดูหนังสือแต่งรถมองไปมองมา โอ้โห....รถคันนี้... 500 ม้าว่ะ กรูอยากได้ ไหนๆๆเค้าใช้เทอร์โบอะไร เราเอาบ้างดีก่า เป็นต้น

สองอย่างที่ต้องใช้เวลาเลือกเทอร์โบนั้นคือ mass flow และ pressure ratio ครับ สองอย่างเท่านั้น ส่วนจะหาสองอย่างนั้นอย่างไรไปดูที่ผมเขียนร่ายยืดยาวมาได้เลยครับ จริงๆมันมีวิธีหาสองอย่างนี้หลายวิธีนะครับ เพียวแต่เราจะเลือกเอาวิธะียากหรือวิธีง่ายเท่านั้นเอง อย่างในกรณีผม ผมไ่ม่ได้ต้องเป๊ะๆ แต่คำณวนเพื่อเป็น guideline ในการเลือกไม่ว่าเทอร์โบ หัวฉีด แคม ฯลฯ ให้มันเหมาะกับการใช้งานของเราเท่านั้นเอง

วิธีดูก็ง่ายๆเลยครับ หา mass flow และ pressure ratio มาแล้วพล๊อตเอาที่ turbo chart เลย แต่ของผมไม่ได้พล๊อตที่รอบเครื่องสูงสุดเพียงอย่างเดียว แต่ทดลองทำที่ 4000 / 4500 และ 7000 รอบ เพื่อจะได้ดูว่าในระหว่างรอบๆนั้นมันจะใช้งานได้หรือเปล่า

4000rpm คือรอบที่ตั้งใจว่าอยากให้มันเริ่มบูสท์ ส่วน 4500rpm อยากให้มันบูสท์มาเต็มแล้ว และ 7000rpm คือรอบทำงานสูงสุดของเครื่อง

ทีนี้เราก็มาดูว่าเส้นสองเส้นมาตัดกันที่จุดไหน แล้วก็หาว่า compressor efficiency มันเท่าไหร่ สามารถรองรับอากาศที่เราต้องการใช้ได้หรือไม่ ด้านซ้ายสุดของกราฟจะเรียกว่า surge line คือถ้ามันต่ำกว่านั้น เทอร์โบจะแทบไม่ทำงานเลย นอกจากจะไม่ทำงานแล้วยังอาจจะพังอีกด้วยอันเนื่องมาจากอาการ surge นั่นเอง เป็นอาการอะไรนั้น google เลยครับ

เวลาเราดูก็กะว่าให้ช่วงที่เราจะใช้งานตกในช่วงที่มี efficiency สูงที่สุด เผื่อที่ด้านวาไว้ด้วย เผื่อเราอยากโมอะไรเพิ่ม เทอร์โบจะได้มี air capacity เหลือพอ โดยเน้นว่าช่วงกลางๆที่เราจะใช้บ่อย เอาให้ตกอยู่ใน efficiency range ที่มากๆเข้าไว้ efficiency มากไม่ได้แปลว่าปั่นลมได้มากอย่างเดียวนะครับ มันแปลว่าลมที่เข้าห้องเผาไหม้นั้นเย็นกว่า efficiency ต่ำๆด้วย ถ้าเราเลือก basic ที่ดีแปลว่าเราอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์หรือว่าใช้อินเตอร์ขนาดเล็กๆ จะได้ไม่เกิด pressure drop มากนั้น เครื่องตอบสนองดี ประหยัดเงิน

 


« Last Edit: October 12, 2010, 02:56:03 pm by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
เทอร์โบตัวแรก GT2854R

@7000rpm ~ 73%
@4500rpm ~ 72%
@4000rpm ~ 71%

จะเห็นว่าที่รอบสูงสุดนั้นตกขอบไปแล้ว efficiency เหลือประมาณ 60% เท่านั้น
จริงๆมันก็ใช้ได้นะ แต่เก็บเอาไว้ก่อนมาดูตัวเลือกถัดมา

จริงๆช่วงที่เทอร์โบบูสท์อาจจะได้ PR<1.44 ก็ได้ เนื่องจากว่าเทอร์โบมันกำลังจะเริ่มบูสท์แล้วนั่นเอง ยังไงก็พยายามเอาให้มันตกอยู่ในช่วง efficiency สูงๆหน่อย และไม่ต่ำจน PR มันตกกราฟไปแล้ว
« Last Edit: October 12, 2010, 03:13:09 pm by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
ลำดับต่อมา GT2859R

อันนี้ไม่เอาเลย เพราะปริมาณลมที่ 7000rpm นั้นตกขอบกราฟไปแล้ว
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
next up....GT2560R

ก็หมิ่นเหม่ที่รอบสูงสุดอยูดีนั่นแหละ แต่ช่วงรอบที่ใช้งานบ่อยๆกำลังด๊เลย อาจจะเหมาะกับการใช้งานทั่วๆไปก็ได้นะ
ให้ efficiency สูงๆที่รอบใช้งานบ่อยๆ เพื่อแลกกับ efficiency ต่ำๆที่รอบที่เราไม่ได้ใช้บ่อยๆ
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
2860R

ตัวเลือกนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
2860RS หรือที่เค้าเรียกว่า disco potato ตัวนี้เค้าเอาไว้ใส่พวก SR20 กัน
เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

ลืมบอกไปอีกอย่าง สังเกตกราฟดีๆนะครับ พวกกราฟที่มันกว้างๆไปทางด้านขวาเนี่ย เหามะกับพวกเครื่องใหญ่ๆที่ไม่ได้ใช้ PR สูงๆ แต่ถ้าเป็นกราฟชันๆสูงๆนั่นแหละ เหมาะกับรถเครื่องเล็ก แต่ใช้ PR สูงเพื่อปั่นแรงม้าเยอะๆ

'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
GT2871R

อันนี้ก็น่าสนใจ มีพื้นที่ด้านขวาว่างอีกพอสมควร efficiency ไม่ต่ำ กำลังกลางๆเลย แต่อาจจะมีปัญหาช่วงที่เทอร์โบเริ่มบูสท์เหมือนกัน
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
ในบรรดาเทอร์โบที่เสนอมา ถ้าจะเลือกผมจะใช้ GT2860RS เพราะดูจากกราฟแล้วเนี่ย มันน่าจะเหมาะสุด
มีพื้นที่ด้านขวาอีก ทำให้สามารถรองรับบูสท์เพิ่มได้ถ้าต้องการ ส่วนด้านซ้ายห่างจากเส้น surge line อีกโข แปลอีกนัยได้ว่าปริมาณลมที่เครื่องนี้ปั่นได้น่าจะเหมาะกับเทอร์โบตัวนี้ ส่วนด้านล่างเหลือพื้นที่อีก คือ PR ต่ำๆแปลว่ามันบูสท์ต่ำ ก็คือช่วงที่เทอร์โบกำลังปั่นบูสท์อยู่มันยังตกอยู่ในเส้นกราฟ

สรุปคือ เลือกตัวนี้ไว้ก่อน
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline ท่านขุน

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,472
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:November 25, 2022, 11:52:45 am

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
6900 hp per ton !

ตาไวจิงๆเลยพี่เอ...เพิ่งมาถึงบางอ้อนี่เอง  :tongue: แต่ถ้าได้ 6900hp/ton นี่อยากลองนั่งเหมือนกัน
เอ้าาา ประกาศไว้ทั่วกัน 6.9kg/hp ครับผม
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline ท่านขุน

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,472
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:November 25, 2022, 11:52:45 am
ใน ECR เราเคย discuss กันว่าอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะขับสนุก
 
http://www.euroclubrace.com/forum/index.php?topic=2809.0

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm
ตรงนั้นเข้าใจว่าต้องการจะพูดถึง efficiency ที่ 6.9 cc/hp หรือเปล่า? ถ้าใช่มันพอเป็นไปได้
 
 ส่วนเรื่อง Power to weight ratio บนกระดอง E30 นี้ในสมัยนั้นทาง BMW  Motorsport เขาคงน้ำหนักเอาไว้ที่ 960 kg  ด้วยแรงม้าที่เฉลี่ยแล้วป้วนเปี้ยนอยู่แถว 300 +/-  เพราะฉนั้นถ้าหมายว่าแบบนั้นจริงมันก็ใกล้เคียง
 
 แต่หากทำน้ำหนักลงไปถึงขนาดนั้น คงทำเป็นรถวิ่งถนนด้วยไม่ได้อย่างแน่นอน M3  คันสีขาว FINA ในกระทู้โน้นรื้อของออกราว 50% ยังหนักเกือบ 1.2 ตัน  ของผมรื้อออกราว 60-70% ยังไม่สามารถข้ามเส้น 1 ตันได้เลย
 
 หากจะวิ่งถนน รถเบามากๆก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจะต้องเอา aero dynamics  เข้ามาช่วยสร้างแรงกด และ aero dynamic  มันจะเริ่มทำงานที่ความเร็วระดับหนึ่งที่คงจะทำไม่ได้ง่ายๆบนถนนหลวงได้ตามอำเภอใจ

ย้อนกลับไปที่ Sierra Cosworth ที่โพสข้างต้นแล้วทำให้รู้สึกว่าสมัยนั้น Tim Harvey กับ Andy Rouse มันเก่งจริงๆ ห้าหกร้อยแรงม้าบนแฮทช์แบคคันจ้อยๆแบบนั้นมันยิ่งกว่า GT3 RSR หรือ 430 Scuderia ที่เป็นรถสปอร์ตแท้ๆเสียอีก 

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
ใน ECR เราเคย discuss กันว่าอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักเท่าไหร่ถึงจะขับสนุก
 
http://www.euroclubrace.com/forum/index.php?topic=2809.0

ขอบคุณครับพี่เอ ไปอ่านมาแล้วครับ

ผมเคยจับเจ้า 330i ผมไปชั่งน้ำหนักพร้อมคนขับและน้ำมันค่อนถัง น้ำหนักประมาณ 1550kg คือได้ทำการชั่งจริงๆ ไม่ได้เอาค่า manufacturers claim มา เคยวัดแรงม้าด้วยที่ test car ถึงสามรอบ ทุกรอบจะได้ 218 - 225 แรงม้า ตอนนั้นทุกอย่างเดิมๆหมด ตอนนี้ผมมีกรอง ท่อ และเฮดเอดร์ที่เพิ่งสั่งเข้ามา ตีไว้ต่ำๆ 230 ม้า จึงได้เลข 1:6.74 ออกมาครับ
« Last Edit: October 13, 2010, 08:22:36 am by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
ตรงนั้นเข้าใจว่าต้องการจะพูดถึง efficiency ที่ 6.9 cc/hp หรือเปล่า? ถ้าใช่มันพอเป็นไปได้
 
 ส่วนเรื่อง Power to weight ratio บนกระดอง E30 นี้ในสมัยนั้นทาง BMW  Motorsport เขาคงน้ำหนักเอาไว้ที่ 960 kg  ด้วยแรงม้าที่เฉลี่ยแล้วป้วนเปี้ยนอยู่แถว 300 +/-  เพราะฉนั้นถ้าหมายว่าแบบนั้นจริงมันก็ใกล้เคียง
 
 แต่หากทำน้ำหนักลงไปถึงขนาดนั้น คงทำเป็นรถวิ่งถนนด้วยไม่ได้อย่างแน่นอน M3  คันสีขาว FINA ในกระทู้โน้นรื้อของออกราว 50% ยังหนักเกือบ 1.2 ตัน  ของผมรื้อออกราว 60-70% ยังไม่สามารถข้ามเส้น 1 ตันได้เลย
 
 หากจะวิ่งถนน รถเบามากๆก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันจะต้องเอา aero dynamics  เข้ามาช่วยสร้างแรงกด และ aero dynamic  มันจะเริ่มทำงานที่ความเร็วระดับหนึ่งที่คงจะทำไม่ได้ง่ายๆบนถนนหลวงได้ตามอำเภอใจ

ย้อนกลับไปที่ Sierra Cosworth ที่โพสข้างต้นแล้วทำให้รู้สึกว่าสมัยนั้น Tim Harvey กับ Andy Rouse มันเก่งจริงๆ ห้าหกร้อยแรงม้าบนแฮทช์แบคคันจ้อยๆแบบนั้นมันยิ่งกว่า GT3 RSR หรือ 430 Scuderia ที่เป็นรถสปอร์ตแท้ๆเสียอีก

engine efficiency ก็คิดไว้แล้วเหมือนกันครับพี่ต่อ ตอนแรกเอามานั่งดีดเลขเล่นๆอยากให้มันออกมาประมาณ 7.5cc/hp ครับ แต่ทั้งที้ทั้งนั้นก็ต้องมาไล่คำณวนดูว่าไอ้ที่เราอยากได้น่ะ มันพอทำได้ง่ายดายแค่ไหนครับ

ถ้า 7.5cc/hp ด้วยเครื่องจุ 1796 น่าจะออกมาราวๆ 239 ม้า ซึ่งไกล้ๆกับที่ผมคาดการเอาไว้
ส่วนแรงม้าต่อน่ำหนักนั้น ผมมานั่งคิดๆดูหลายรอบแล้ว

1. รถคันนี้เน้นว่าเป็น street used เพราะฉะนั้นจะไปลดนู่นลดนี่เหมือนรถพี่ไม่ได้
2. ยังคงต้องมี แอร์ วิทยุ เบาะนั่งสบายๆ มีการซับเสียง
3. ตัวถังยังไม่มีการลดน้ำหนัก ยังคงเน้นตัวถังเดิมๆอยู่

เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ power/weight ratio ลดลงโดยไม่ทำให้สูญเสียรถใช้งาน ก็เหลือทางเดียวคือเพิ่ม power แต่การจะเพิ่ม power ยังไงให้มันตามเป้าหมายที่ต้องการ โดย efficiency เครื่องยังคงดีอยู่และอยู่ช่วง powerband ที่เราต้องการ ทางเดียวคือใส่ turbo มันเข้าไป

ก่อนที่จะทำอะไรเพิ่มเติมเข้าไป จับคันนี้ไปชั่งตามด่านชั่งน้ำหนักก่อนขึ้นทางด่วน ได้มาประมาณ 1175kg ซึ่งการจะได้ power/weight ratio = 6.75kg/hp ต้องผลิตม้าประมาณ 175ม้า ซึ่งไม่น่ายากเกินไปนัก

ชอบครับๆ มาถกปัญหาแบบนี้กันต่อ \^^/ \^^/ \^^/ \^^/
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline ae

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Sep 2005
  • Posts: 3,467
  • Gender: Male
  • Last Login:May 11, 2018, 10:00:21 pm
น้าอัน สุดยอดเลย   :good:   :good:   :good:
 
 


It's fun... when it runs! Trust me.

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

เอาล่ะ เราเลือกขนาดเทอร์โบที่อยากใช้ได้แล้ว
สรุป GT2860RS ball bearing เพราะมันมีอยู่รุ่นเดียว สเปกมันบังคับตายตัวอยู่แล้ว

ทีนี้สิ่งที่ตามมาคือ จะเลือกเอา wastegate แบบไหนดี เรามาแจกแจงรายละเอียดข้อดีข้อเสียเป็นข้อๆดีกว่า
อันนี้ขอเน้นข้อดีข้อด้วยมันจริงๆนะ ไม่ได้เน้นแบบว่ามีเสียงแซ๊ดดดด หรือว่าพอใส่แล้วอลังการงานสร้างอะไรแบบนี้นะครับ
internal wastegate pro's
1. ราคาถูก ติดตั้งง่าย ไม่กินเนื้อที่
2. ไม่ต้องเดินท่อเพิ่มเติม ลดโอกาสการเกิดรอยร้าวที่ท่อได้
3. โอกาสเสียน้อย ทนทาน
4. สำหรับรถที่ไม่ได้บูสท์มากมาย เวลามันเปิดมันจะระบายแรงดันไอเสียไม่มากเกินไป อันนี้เดี๋ยวยกไปอธิบายนอกรอบ

internal wastegate con's
1. คุมบูสท์นิ่งสู้แบบแยกไม่ได้
2. diaphragm เล็กทำให้พื้นที่ต่อแรงน้อย
3. ขวางการไหลของไอเสียมากกว่าแบบแยก
4. ถ้าบูสท์เยอะ จะเกิดการคายไอเสียไม่ทันได้ จะเกิดอาการที่เค้าเรียกว่า boost creep
5. สปริงอ่อน ทำให้มันเริ่มยกก่อนที่บูสท์จะเต็ม ทำให้สูญเสียพลังงานไอเสียโดยไม่จำเป็น

external WG pro's
1. ด้วย diaphram ที่ใหญ่ จึงทำการคุมบูสท์ได้ดีและนิ่ง
2. สามารถต่อท่อ pressure line เข้าไปที่หัวได้ ทำให้เวลาเราบูสท์แรงดันจะไปกดที่หัว WG ทำให้มันไม่แง้มก่อน ทำให้ไม่สูญเสียแรงดันไอเสียโดยเปล่าประโยชน์
3. ไม่ขวางการไหลของไอเสีย ระบายแรงดันได้คล่อง
4. สามารถรองรับบูสท์ได้เยอะ ไม่เกิดการ boost creep
5. สามารถเลือกสปริงได้มากมายตามที่เราต้องการ
6......

external WG con's
1. ราคาแพง
2. ติดตั้งยุ่งยากกว่า ต้องมีการเดินท่อยุ่งยาก โอกาสการเกิดรอยร้าวได้ง่ายกว่า
3. กินเนื้อที่มากกว่า
4. ไม่มีขนาดเล็ก หน้าตัดวาล์วใหญ่ พอเปิดแล้วบูสท์หายหมด
5.

ทำไมผมถึงให้ความสำำคัญกับขนาดของ wastegate มากนัก สมมุติเอาง่ายๆนะครับว่าเรามาท่อน้ำสองท่อ แรงดันในท่อเท่ากัน แต่เราใส่ก๊อกอันนึงใหญ่มาก อีกอันเล็กๆ ทีนี้ถ้าเราเปิดก๊อกพร้อมกัน อันเล็กพอมันเปิดแรงดันจะค่อยๆไหลออก คือน้ำในสายยางไม่ไหล่ออกพรวดเดียวหมด ส่วนอันใหญ่พอเกิดแล้วแรงดันไหลออกพวดเดียวหมดเลย มันก็เหมือนกับแรงดันเทอร์โบนั่นแหละ

อันนี้ประสบพบเจอกับตัวเอง ตอนนั้นใชh subaru ตอนแรกเครือ่งเดิมๆ210ม้า เอามาใส่ WG แยก รู้สึกเลยว่าเวลามันคายไอเสียทีนึง แล้วเรากดต่อเนี่ย เทอร์โบมันเสียเวลาในการไปสร้างบูสท์ใหม่ มันเร้าใจมากๆเวลาได้ยิงเสียงแซ๊ดดด แต่เอาเข้าจริงๆ ใส่เข้าไปไม่ได้เกิดประโยชน์เลย

ในทางกลับกัน ตอนหลังเอาไปใส่ค่อแดงตาเหยี่ยว เปลี่ยนเทอร์โบ เปลี่ยนเฮด ปรับบูสท์ใหม่ แล้ววิ่งด้วย WG เดิมอยู่ระยะหนึ่งก่อนเอาไปเปลี่ยนเป็น WG แยก ตอนใส่เข้าไปไม่ได้รู้สึกว่าเวลา WG มันยกไอเสียหายหมด เพราะอะไร? ก็เพราะเครื่องคอแดงเดิมๆ มันก็มีปริมาณไอเสียมากกว่าอยู่แล้ว ไปเพิ่มเฮดเอร์ ปรับบูสท์อีก มันก็เลยมีปริมาณไอเสียที่ต้องคายมากกว่าเดิมพอสมควรนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น WG แยกก็ต้องเลือกให้พอเหมาะกะปริมาณไอเสียเราด้วยนะครับ ไม่ใช่เราเครื่องเล็กๆกระจ้อยร่อย ดันไปใช้ WG ตัวใหญ่หน้าตัดวาล์ว 52mm เปิดที่เดียวไอเสียหายหมด ต้องมานั่งปั่นไอเสียกันใหม่

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาเราจะเปลี่ยนอะไร เราควรเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา ไม่งั้นนอกจากมันจะไม่เกิดประโยชน์ ยังเสียเงินโดยใช่เหตอีก แต่ถ้าเราเปลี่ยนสิ่งนั้นเพื่อความสุขทางใจก็ไม่ว่ากันครับ

ทีนี้เรามาต่อว่าทำไมอย่างกรณีผม ผมจึงคิดว่า WG แยกน่าจะเหมาะกว่า แต่ผมคงไม่ซื้อ WG ที่ใหญ่โตมโหฬาร เอาแค่แบบตัวเล็กๆ วาล์วกระติ๊ดเดียว ระบายแรงดันได้ก็พอแล้ว คิดว่าขนาดที่เล็กที่สุดที่มีในท้องตลาดคือ 35mm หรือเปล่าไม่แน่ใจ

ในกรณีอย่างผม คงไม่ได้บูสท์เยอะมาก กะไว้ประมาณ 5psi เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่างแรก ผมไม่อยากให้เวลา WG เปิดแล้วมันแง้มก่อน ก็เลยอยากใช้ WG แยกเท่านั้นเอง เพราะเวลาเราบูสท์แรงดันจะวิ่งผ่านไปที่ตัวปรับบูสท์แล้ววิ่งต่อไปกดที่หัว WG ทำให้มันไม่เปิด ถึงแม้มันจะมีแรงดันจากฝั่งไอเสียดันอยู่ แต่ด้วยพื้นที่ diaphram ที่ไหญ่และสปริงบวกกับแรงดันเทอร์โบที่กดหัวไว้มันเลยสามารถดันไว้ไม่ให้มันเปิดได้ แต่พอถึงแรงดันที่เราตั้งใจไว้ตัวควบคุมบูสท์จะระบายแรงดันที่ไปกดหัวทิ้ง มำให้ WG คายไอเสียทันที


'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
น้าอัน สุดยอดเลย   :good:   :good:   :good:

ขอบใจจ้ะหลานเอ้ แล้วคันขาวน่ะ เมื่อไหร่ขาย 75000 ตามที่เราตกไว้ป่าว  :cheesy:
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

ทีนี้เรามาศึกษารายละเอียดเทอร์โบที่เราได้คัดเลือกไว้อีกหน่อยว่าช่วงบูสท์ต่ำๆอาหารจะเป็นอย่างไร

เราต้องเผื่อไว้ด้วยว่าช่วงเริ่มบูสท์ต่ำมากๆมันจะสามารถสร้างบูสท์ได้มั๊ย

จาก turbo map ที่กล่าวถึง ถ้าเราเอาค่า PR ต่ำสุดที่มันจะเริ่มสร้างบูสท์ คิดได้คร่าวๆประมาณ 1.188 เอาไปแทนค่าจากสูตร

PR = (14.7+boost)/13.7

ดีดตัวเลขหา boost ออกมาได้ 1.57psi  หมายความว่าที่ mass flow = 12.54lbs/min @ 4000rpm น่าจะสร้างบูสท์ได้ประมาณ 1.57psi แล้ว และ compressor efficiency ยังสูงอยู่ คือที่ประมาณ 71%
คิดว่าเทอร์โบลูกน่าจะเหมาะกับการใช้งาน อันนี้ไม่แน่ใจเต็มร้อยนะ เป็นแค่ guideline คร่าวๆ เดี๋ยวตอนเอาไปใช้คงได้รู้กัน :wink:
« Last Edit: October 13, 2010, 10:47:56 am by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm
อืม....เพลินดี

เดินหน้าเลยกำลังอินเทรนด์ เพราะเข้าใจว่า BMW มีแนวโน้มที่จะเอาเครื่อง 4 สูบ เทอร์โบ (1.6 ลิตร) ลงแข่งใน WTCC ในฤดูกาลหน้านี้ด้วยเช่นกัน

Offline ae

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Sep 2005
  • Posts: 3,467
  • Gender: Male
  • Last Login:May 11, 2018, 10:00:21 pm
เอามาให้ดู... ฝรั่งหัวทองแกะแบบทำ CNC
 
เผื่อทำสวยกว่านี้  :evil:
 
 


It's fun... when it runs! Trust me.

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm
เดี๋ยวฝากแบบนี้เอาไปทำด้วย

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
เอามาให้ดู... ฝรั่งหัวทองแกะแบบทำ CNC
 
เผื่อทำสวยกว่านี้  :evil:
รับรองบ้านเราไม่น้อยหน้าแน่นอน เพราะมันกัดด้วยเครื่อง CNC เหมือนกัน อยู่ที่คนแกะแบบเนี่ยแหละ
เดี๋ยวฝากแบบนี้เอาไปทำด้วย
ผมว่าไอ้นี่ทำได้อยู่แล้ว hiem joint ช่างบ้านเราทำได้ แต่ไอ้หัวโช้คที่มันเรียบแบบนั้นทำไงให้มันเอาไปใส่ได้เนี่ยสิพี่
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Tags:
 

* Permissions

  • You can't post new topics.
  • You can't post replies.
  • You can't post attachments.
  • You can't modify your posts.




Facebook Comments