มาดู data logging กัน เส้นสีแดง คือ rpm เส้นสีเขียว คือ tp <ปีกผีเสื้อ > เส้นสีเหลือง คือ duty หัวฉีด ปกติหัวฉีด กับ tp จะทำงาน สอดคล้องกัน
เริ่มดู rpm จากสูงไหลลงต่ำ ,tp เป็น ศูนย์ แสดงว่าคนขับ ชลอรถ หรือใช้ เบรก ถ้ามี sensor ที่ เบรกใน log จะแสดง แต่ไม่ได้ใส่ต้องเดาเอา อนุมานว่ารถช้าลงแล้วกัน ต่อมาเริ่มเร่ง ดูจาก tp ขึ้นลง แบบฟันปลา แต่รอบก้อยังไม่ขึ้น แล้วก้อเร่งต่อจน tp 100 % เป็นเวลาช่วงหนึ่ง rpm ก้อยังไม่ขึ้น แสดงว่าอยู่ในเกียร์ สูง คาดว่าเป็นเกียร์ 5 ถ้ามี sensor ที่เกียร์ก้อจะรู้ แต่ต้องเดาอีกแล้ว แล้วคนขับก้อเดินคันเร่งต่อ rpm ก้อพุ่งพรวดขึ้นมา 8800 rpm แสดงว่า คนขับ เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ หลังจากนั้นก้อถอนแล้วกดจน รอบ พุ่งไป 9100 rpm
มาถึงตอนสำคัญ คนขับถอนคันเร่ง เป็น ศูนย์ เปอร์เซนต์ rpm ตกลงนิดแล้วอยู่ ดีดี rpm พุ่งพรวดขึ้นมา 7500 rpm โดยไม่กดคันเร่ง แสดงว่า ก่อนหน้าช่วงที่ rpm ต่ำลง คนขับเหยียบ คลัชล์ ถอนคันเร่ง <เป็นศูนย์ตาม data log> แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำทันทีทันใด ที่เราเรียกว่า engine break < ใช้เครื่อง เบรกแทน> บางคนเรียก ยัดเกียร์ มาถึงตอนนี้คงพอนึกภาพออกนะครับ บางที่พังจากเหตุนี้แต่คนขับไม่บอก แต่เราจับได้ครับ
ถ้าถามว่า กราฟแบบนี้วิ่งดีมั้ย บอกไม่ได้ ครับ วิ่งดีไม่ดีอยู่ที่เวลาครับ แต่มันบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเวลารถวิ่งมันเหมือนกล่องดำที่อยู่บนเครื่องบินไงครับ มันเก็บทุกอย่าง ทั้ง input out put ของกล่อง แล้วเอาขอมูลมานั้งวิเคราะห์ แล้วกลับไปแก้ใน file tunning ในกล่อง ครับ อย่าง f1 ก้อใช้ แต่เป็น แบบ real time ใช้ส่งผ่านทางคลื่น โทรศัพท์ แล้วมาเปิดดูกัน บางทีคน จูนกล่องอยู่คนละมุมโลก กับรถแข่ง ส่ง data log ไปคนจูนเปิดดู แล้วแก้ขอมูลในกล่อง แล้วออกไปแข่งต่อ