BKCC - Bangkok Classic Car House v.2016

General Category => Off Topic => Topic started by: thaidub on December 06, 2005, 12:24:13 am

Title: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 06, 2005, 12:24:13 am
http://s21.yousendit.com/d.aspx?id=35HBSG7LX7R1J27AJEEXVM32NL  (http://s21.yousendit.com/d.aspx?id=35HBSG7LX7R1J27AJEEXVM32NL)

สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้ฟังครับ

link มาจาก vwthai ครับ
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 06, 2005, 12:46:58 am
ผมว่าพระราชดำรัสที่พระราชทานมาปีนี้ "เต็มๆ"เลยนะครับ

สมกับที่ท่านพ่อของคุณตรีประทานเล่าให้ฟังในวันนั้นจริงๆ  :D
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 06, 2005, 12:49:32 am
เห็นด้วยครับ ผมไม่ได้ฟังสด แต่อ่านจากหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าจะรู้สึกตัวกันหรือปล่าว
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: UM on December 06, 2005, 12:58:06 am
เห็นด้วยครับ ผมไม่ได้ฟังสด แต่อ่านจากหนังสือพิมพ์เมื่อเช้า ตรงกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าจะรู้สึกตัวกันหรือปล่าว

นั่นซิครับ ก็ได้แค่หวังว่าจะรู้สึกกันบ้างน่ะครับ
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 06, 2005, 01:03:16 am
พระองค์ตรัสมาแต่ละคำเช่น ฝายแม้ว(ฮา) นายกแก่แล้วขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ (ฮา) ไปเชียงใหม่(ฮา) เข้าไนท์ซาฟารี(ฮา)

ยิ่งเรื่องการใช้เงิน ยิ่งหนัก พระองค์ทรงตั้งพระใจเตือนทั้งคณะรัฐบาลชุดนี้

ถ้าเที่ยวนี้ถ้าฟองสบู่แตก

มีคนตายครึ่งประเทศแน่ :-[

Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เอ้อ on December 06, 2005, 11:26:46 am
อ่านไปอมยิ้มไปครับ..ตรงจุด โดนใจ...แต่คนที่ควรเข้าใจจริงๆจะเข้าใจไหม อันนี้ไม่อยากนึก
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: PUI on December 06, 2005, 11:40:49 am
อยากให้ท่านทรงดำรัสถึงพสกนิกรชาวไทย บ่อยๆ และตราบนานเท่านาน
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: OouVintage on December 06, 2005, 01:37:49 pm
ถ้าฟองสบู่แตกคราวนี้ก็ยึดทรัพย์ (ของใครดีนะ) อันได้มาโดยมิชอบเข้ามาเป็นรายได้รัฐฯ แล้วเอามาบรรเทาปัญหาภาคประชาชนน่าจะดีนะครับ พวกที่เอาเงินประชาชนไปใช้เพื่อเป้าหมายส่วนตัวหรือการเมืองจะได้รู้บ้างว่าเวลาคนอื่นเขาโดนเอาเงินไปใช้แบบแปลกๆแล้วรู้สึกอย่างไร :)
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: Dinky on December 06, 2005, 03:14:05 pm

    ปีนี้ เมื่อคืนวันที่ 4  เป็นพระราชดำรัส ที่ผมตั้งตารอฟังที่สุดเลยครับ .. พอจบ ไปฟังในช่องเคเบิลท้องถิ่น ที่เอามาออกอีกรอบ ตอน 5 ทุ่มครึ่ง ..
 .. ตื่นเช้า ซื้อหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ มาอ่านอีก ..  ท่านมีดำรัสตรง ๆ ครับ .. ได้รับพระมาหากรุณาธิคุณขนาดนี้ .. น่าจะคิด ทำ ให้ดีกว่านี้ครับ ..
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 08, 2005, 01:52:28 pm
ไปอ่านเจอมา พอถอดความพระราชดำรัลแล้ว...ขนลุก :o

วันนี้ทักษิณโดนตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้ายเลยนะถ้าเราสังเกตดีๆ
เรียกได้ว่าเป็นนายกที่โดนในหลวงว่า มากที่สุดตั้งแต่เคยมีนายกมา
แม้กระทั่งในหลวงยังทนไม่ได้แล้วนะ
ทักษิณควรจะรีบๆไปซะ อย่าหน้าด้านอยู่อีกเลย
1. ในหลวงบอกว่านายกไม่ชอบให้ใครติ ไม่พอใจเวลาใครติ โกรธ
จะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน นายกเคืองเวลาคนติ
2. ในหลวงบอกว่า The king can do no wrong
ดูถูก the king เพราะทำไมจะทำผิดไม่ได้
(พระองค์บอกเป็นในว่า ขนาดพระเจ้าอยู่หัวยังทำผิดได้
ทำไมนายกไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด นายกพูดไม่คิด)
ในหลวงบอกให้ระวังคำพูด เพราะว่าถ้าไม่ระวังจะตาย
เพราะอยู่ในสายตาประชาชน ในหลวงบอกว่าไม่ได้แช่ง(นายก)
แต่สงสาร ขอร้องให้ระวังๆ ที่คิด ที่พูด ที่ทำ ถ้าคิดว่าทำถูกก็ทำ
3. มีคนบอกว่าไม่ให้เอาในหลวงมาวิจารณ์
จริงๆในหลวงบอกว่าวิจารณ์ได้
(ที่พวกทักษิณบอกว่า สนธิพูดถึงใสหลวงไม่ได้
จริงๆแล้วพูดถึงได้ ในทางที่เห็นด้วย คือ
ที่สนธิเอามาพูดไม่เป็นไร พูดถึงได้เพราะไม่ได้ทำให้เสียหาย)
ในหลวงอยากให้คนวิจารณ์ไม่กลัวด้วย ขอทราบว่าผิดตรงไหน
(สอนนายกไปไหนตัว) ในหลวงบอกว่าวิจารณ์ได้
ในหลวงอนุญาต ถ้าเค้าวิจารณ์ถูกไม่ว่าอะไร
(ในหลวงกำลังบอกเราเป็นในๆว่า ที่คุณสนธิทำไม่ผิด)
4. ในหลวงบอกว่าต่างชาติว่า the king ของไทย ไม่ดี ละเมิดไม่ได้
ถ้าพูดถึงไม่ได้ ก็เสีย
(บอกเป็นในๆว่า ทักษิณกำลังเสีย เพราะไม่ยอมให้ใครวิจารณ์)
5. ในหลวงบอกว่าพวกที่ทำผิดอย่างมากก็แค่ลาออกเรื่องก็จบ
6. ในหลวงพูดถึงกบฏว่า เป็นกบฏก็ยังไม่จับใส่คุก ร.6 ก็ไม่จับใส่คุก
พระองค์ก็ไม่ให้เข้าคุกเหมือนกัน “ไม่ฟ้อง”
(แม้กระทั่งพระองค์ยังไม่ฟ้องเลย ทำไมทักษิณถึงไปฟ้องคนอื่นนัก)
กฎหมาย(วิษณุ)สอนนายกว่าให้ฟ้อง
ในหลวงไม่เห็นด้วยที่ให้ฟ้อง เพราะสุดท้ายในหลวงจะเดือดร้อน
(สุดท้ายพระองค์ท่านต้องไกล่เกลี่ย)
พระองค์ท่านสอนว่า กฎหมายสอนนายกว่าใครด่าเราต้องด่ากลับ
7. ในหลวงพูดเรื่องแก้ตัวเรื่องวัดพระแก้ว ว่า
ไม่บอกว่าอะไรถูกอะไรผิด ให้คิดเอาเอง คนเค้าเอือมกันแล้ว
ในหลวงประชดว่า นายกไม่ผิด นายกทำได้ทุกอย่าง
ในหลวงบอกว่า แก้ตัวครั้งเดียวได้ แต่บ่อยไม่ดี
8. ไฟฟ้าทำมานานแล้ว (ในหลวงไม่เห็นด้วยกับการแปรรูป)
9. ในหลวงบอกว่าพระองค์ทำไบโอดีเซล ว่าตัวเองว่าเห็นแก่ตัว
แต่ไม่เป็นไรทุกคนก็เห็นแก่ตัว ต้องขวนขวายเพื่อตัวเอง
(นายกเห็นแก่ตัว หาเงินเข้าแต่กระเป๋าตัวเอง)
10. บอกว่านายกอายุ 94 อาจจะยังแข็งแรงก็ได้
(เปรียบเรื่องพระสังฆราช)
11. พูดเรื่องว่า ทักษิณมีเครื่องบินลำโตๆ(ไทยคู่ฟ้า)
12. วกกลับมาถาม องคมนตรีอายุเท่าไหร่ 130 (C130)
13. จะไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ไปเชียงใหม่ ไปเที่ยวสวนสัตว์
14. ทำพลังงานทดแทนได้ ทำทีวีได้ โฆษณาในทีวีได้ ชี้แจงได้
(เพราะนายกชี้แจงอยู่นั่นแหละ)
15. ถ้าแต่ละคนขวนขวายส่วนตัว อีกสี่สิบปีไม่เดือดร้อน
(นายกทำแต่เพื่อตัวเอง ไม่คิดถึงส่วนรวม)


Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 08, 2005, 01:52:48 pm
16. นายกก็ ศก.พอเพียงไม่จ่ายเงิน
คู่สมรสก็ชำนาญเรื่อง ศก.พอเพียง
(ประมาณว่างก ไม่จ่ายอะไรเองเลย
เอาแต่เงินของประเทศประหยัดเงินตัวเอง)
17. ถ้านายกทำศก.พอเพียง คณะรองนายกทำศก.พอเพียง
ก็จะทำให้ศก.อีกสี่สิบปีไปได้
(ประมาณว่าอย่าเอาแต่พวกตัวเอง เอาประเทศด้วย)
18. บอกให้นายกสอนครู(โภคิน วิษณุ) ครูจะได้ไปสอนคนอื่น
19. ไม่ต้องสอนฝ่ายค้านเพราะพอเพียงแล้ว
(ไม่แน่ใจว่าพระองค์ท่านหมายถึง บััญญัติ หรือ ชวน)
20. ลิงต้องมีแก้ม ถ้าลิงไม่มีแก้มอยู่ไม่ได้ แก้มคนก็เป็นแก้มลิงได้
จะพูดอะไร เก็บในแก้มก็ได้ (ไม่จำเป็น นายกไม่ต้องพูดก็ได้)
21. ฝายแม้ว ทำให้น้ำท่วมเชียงใหม่ ทำไม่ถูกต้อง ทำไม่ดี
22. เขื่อนที่กุยบุรี พระองค์ท่านใช้เงินส่วนตัว 100ล้าน
ทำเขื่อนไม่ให้น้ำท่วม เพราะถ้ารอชลประทาน ไม่ได้
น้ำจะท่วม ขอกรมชล บอกไม่มีงบ
23. ในหลวงบอกว่า สำหรับคนที่พยักหน้า เขาไม่ 100ล้าน
ไม่ใช่อะไร ต้อง 1,000ล้าน 10,000ล้าน 100,000ล้าน
(1,000ล้าน-ก็ที่ฟ้องสนธิ 100,000ล้าน-ก็เมกะโปรเจค)
24. เงินมีอยู่ คนก็บอก บางทีก็บอกไม่มีเงิน แต่เงินนะมี
ในงบฯ มี ถ้าไม่มี ก็หมายความว่างบประมาณทำไม่ถูก
แต่ทีนี้ 100ล้าน ใช้ไป ใช้ดีแล้ว ใช้ถูกต้องไม่เสียหาย
ทำให้ประชาชนได้กำไร ถ้าไม่ได้ใช้ไป ก็ไม่รู้ใครใส่กระเป๋าไปได้
แต่ว่าประชาชนไม่ได้ (พระองค์ว่าพวกที่โกงกิน)
25. ตอนสุดท้าย ก็ขอให้แต่ละคนมีความสำเร็จ
(นิ่งมองหน้าท้กษิณ) พอสมควร (เน้น)
เศรษฐกิจพอเพียง ต้องทำให้พอเพียง
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: Dinky on December 08, 2005, 02:26:16 pm


   อ่านแล้วอึ้งเลย ... สุดยอดจริง ๆ ..  :o   8)
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: Maximus Hippopotemus on December 09, 2005, 12:39:57 am
พระองค์ท่านตรัสให้คิด อยู่ที่ว่าคนที่พระองค์ท่านต้องการจะสื่อถึงจะรับฟังรู้เรื่องรึเปล่าขออย่างแกล้งไม่รู้เรื่อง(แกล้งโง่)อีกเลย 
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: lima on December 09, 2005, 08:35:24 am

                           ........CLEAR เลย......พระองค์ทราบทุกอย่าง...พิจารณาตัวเองได้.....
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: Jufe Berlina on December 09, 2005, 11:05:02 am
ถ้าระดับพระองค์เตือนแล้ว ยังไม่รู้เรื่อง ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 09, 2005, 12:37:40 pm
(http://www.matichon.co.th/newsphoto/weekly/cov1321.jpg)

รายงานพิเศษ

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว : The King can do no wrong

หมายเหตุ จาก"มติชนสุดสัปดาห์"
- เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2548 เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
คณะบุคคลต่างๆ ทั้งหมด 633 คณะ จำนวน 21,859 คน เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา

จากนั้น ทรงมีพระราชดำรัสต่อคณะผู้เข้าเฝ้าดังนี้



ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวอวยพรในโอกาสที่จะถึงวันเกิด ก็ขอบใจว่าจะทำให้ทุกคนในที่นี้และนอกที่นี้มีกำลังใจว่า นายกฯ พูดดี

ก็ไม่ทราบว่าที่ชมนายกฯ ว่าพูดดีอาจมีคนไม่เห็นด้วย

ที่พูดนี่เป็นความเดือดร้อนกับตัวเองเพราะว่าถ้าชมนายกฯ คนอื่นอาจจะไม่ชมข้าพเจ้าว่าชมนายกฯ ทำไม แต่นายกฯ มีอยู่ไว้สำหรับให้ชม ถ้าไม่ชมนายกฯ ก็ไม่ค่อยพอใจ ถ้านายกฯ ไม่พอใจ งานการจะเป็นไปได้อย่างไร

จึงต้องชมนายกฯ ว่าพูดดี เพราะท่านนายกฯ มาชมเรา

เป็นของธรรมดาที่ทุกคนชอบให้ชม เขาไม่ชอบให้ติ ข้าพเจ้าเองก็ได้ติคนอยู่เรื่อยๆ เขาก็ไม่พอใจกัน

แม้จะไม่ติคน บางทีเขาไปประกาศในหนังสือพิมพ์ว่าพระเจ้าอยู่หัวติคนโน้นคนนี้ แท้จริงไม่เคยติใครเท่าไหร่ เพราะว่าถ้าจะติแต่ไม่ได้พูดออกมาโจ่งแจ้งว่าติ

คนเราอยู่ในที่แจ้งในที่คนเห็นมากๆ ย่อมถูกติได้ง่ายๆ เพราะคนเห็นมาก ถ้าเห็นมากแล้วเราทำอะไรก็ไม่มีดี หรือมีดีก็มีที่ไม่ดีมาก ถ้าสมมติว่ามีดีมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีไม่ดีบ้างแล้วคนเขาติ ถ้าเรารู้สึกว่าได้ดีมีการแสดงตนว่ารู้ว่าไม่ดี มันก็ทำให้เกิดความรู้สึก

แล้วถ้าเกิดความรู้สึก บางทีก็รู้สึกชื่นชม บางทีก็รู้สึกเคือง ถูกติเตียน แล้วแสดงตัวว่าเข้าใจว่าถูกแล้ว เขาติเตียนเราแล้วเรารู้ ก็ไม่พอใจ ก็เสียหาย ทำให้ส่วนรวมทั้งหมดปั่นป่วน

พูดแค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าพูดมากกว่า จะทำให้เกิดเรื่องยุ่ง



แต่ว่าวันนี้เต็มใจจะพูดอะไรที่ไม่พาดพิงใครเลย ไม่ติเตียนใครเลย เพราะว่าการติเตียนใครพาดพิงใคร ก็เกิดเคืองไม่สบายใจ

แต่ที่เห็นอยู่ข้างหน้านี่มีคนที่พูด ก็คงรู้ว่าใครพูด มีคนพูดว่า ข้าพเจ้าไม่ดี คือพระเจ้าอยู่หัวไม่ดี ทำอะไรผิด แต่เขาต้องแสดงออกว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ผิด ผิดไม่ได้ ซึ่งเป็นตามความจริง ตามระบอบประชาธิปไตย

ในระบอบรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พระเจ้าอยู่หัวผิดไม่ได้ เขาพูดอย่างนั้น

The King can do no wrong

เหมือนท่านองคมนตรีชอบพูดว่าต้องอ้างภาษาอังกฤษ แต่ว่าเวลา The King บอกว่า The King can do no wrong ก็เป็นสิ่งที่ wrong แล้ว ผิดแล้ว ไม่ควรจะพูดอย่างนั้น

ความจริง เวลาอ่านตำรากฎหมายรัฐธรรมนูญของอังกฤษ มีตำราที่คนเขาอ้างอยู่เสมอแล้วคนที่เรียนภาษาอังกฤษเรียนกฎหมายอังกฤษก็ต้องอ้างถึงเสมอ เรื่อง The King can do no wrong และนักกฎหมายแถวนี้ก็พยักหน้าว่าใช่






Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 09, 2005, 12:38:35 pm
ความจริง The King can do no wrong เป็นการดูถูก The King อย่างมากเพราะว่า The King ทำไมจะ do no worng ไม่ได้

แสดงให้เห็นว่าเขาถือว่า The King ไม่ใช่คน

แต่ว่า The King ทำ wrong ได้ แต่ข้อสำคัญที่สุดข้าพเจ้าเป็น The King และก็เขาบอกว่า do no wrong เราก็เห็นด้วยกับเขาเพราะว่าการทำอะไรคนเราถือว่าต้องมีสติ ก็หมายความว่ารู้ว่ากำลังทำอะไร รู้ว่ากำลังคิดอะไร แล้วไม่ปล่อยให้มันผิดออกมา มันก็ไม่ผิด ผิดไม่ได้

อันนี้ก็เป็นการพูดว่า ข้าพเจ้าเองไม่ผิด ไม่มีวันผิด

ถ้าสมมติว่าพูดผิดเพราะไม่รู้ ก็อย่า แต่ว่าผิดโดยรู้ว่าผิด การทำผิดโดยรู้ๆ ไม่ดี แต่บางทีก็ไม่รู้เพราะไม่มีสติ ขาดสติเพราะไม่ระวังตัว ทีหลังก็เสียใจ

เมื่อก่อนนี้ก่อนที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก่อนที่จะเป็น King ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนที่เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วเป็น King แบบไทยๆ แล้วซึ่งฝรั่งบอกว่าเป็น The King เข้าใจว่าน้อยครั้งที่จะได้ทำผิดเพราะว่าระวัง

ถ้าไม่ระวังป่านนี้ก็คงตายแล้ว มันลำบาก ต้องระวัง ถ้าไม่ระวังก็ตาย



นี่เป็นเรื่องของธรรมชาติของการเมือง หรือการที่อยู่ในสายตาของคน สายตาของคนนี่มันฆ่าได้ ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย

ก็เลยถึงบอกได้ว่า ทำไมการที่บอกว่า The King can do no wrong เพราะต้องดู no wrong เพราะถ้าทำ wrong ตาย

ทุกคนก็มีฐานะอย่างนี้ไม่ใช่ว่า The King เก่ง แต่ทุกคนก็มีส่วนที่เก่ง เมื่อมีตำแหน่ง รับตำแหน่งที่สูง ได้รับเหรียญตรา แล้วคนก็ชี้คนนั้นสูงมาก มียศศักดิ์ The King เป็นยศศักดิ์สูง แต่คนที่อยู่ในที่นี้ไม่ระวังตัวก็ตายเหมือนกัน ถ้าไม่ระวัง ไม่ใช่คนคนนั้น เขาต้องตายแน่เพราะไม่ระวัง

ทุกคนตั้งแต่แรกจนถึงแถวสุดท้าย จนกระทั่งหลังแถว จนถึงข้างนอก ทุกคนถ้าไม่ระวังมีอันตราย

นี่พูดแปลกๆ หน่อย หาว่าแช่ง

แต่ที่จริง แช่ง สงสาร เพราะว่าถ้าไม่ระวัง เมืองไทยตาย ฉะนั้น จึงต้องขอร้องอย่างเดียวว่า มาวันนี้ให้ระวัง ระวัง ระมัดระวังที่คิด ที่พูด ที่ทำ

ถ้านึกว่าทำถูกต้องแล้ว ทำ
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 09, 2005, 12:39:36 pm
เรื่องที่มีแล้วเค้าก็บอกในหนังสือพิมพ์ในวิทยุในโทรทัศน์ บอกว่าที่ The King ทำอะไรก็ไม่วิจารณ์

เราก็บอกอย่าวิจารณ์

จริงๆ อยากให้วิจารณ์เพราะว่าเราทำอะไรก็ต้องรู้ว่าเค้าเห็นดีหรือไม่ดี ถ้าไม่พูดก็หาว่าทำดีแล้ว แต่แท้จริงที่พูดที่ออกข่าวให้สัมภาษณ์บอกว่า อย่าไปวิจารณ์ The King ต้องบอกว่าอย่าไปวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าไม่ควร ในรัฐธรรมนูญก็มีอยู่ว่าละเมิดไม่ได้

นักกฎหมายก็พยักหน้าอีกแล้วว่าถูกต้อง ว่าไม่ควรจะวิจารณ์ วิจารณ์ไม่ได้ ละเมิดไม่ได้

แต่ว่าถ้าพูดว่าพระเจ้าอยู่หัวทำถูก ไม่ใช่ละเมิด เป็นการถ้าพูดภาษาอังกฤษ approve approve พระเจ้าอยู่หัวเห็นชอบด้วย แต่ไม่มีใครมาเห็นว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดดีพูดถูก

แต่ว่าความจริงก็ต้องวิจารณ์บ้างเหมือนกัน และก็ไม่กลัวว่าถ้าใครจะมาวิจารณ์ว่าทำไม่ดีตรงนั้น ตรงนั้น จะได้รู้ เพราะว่าถ้าบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ก็หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่เป็นคน ไม่วิจารณ์

เราก็กลัวเหมือนกัน ถ้าบอกไม่วิจารณ์แปลว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ดี ไม่วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว ไม่วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวเพราะพระเจ้าอยู่หัวดีมาก ไม่ใช่อย่างนั้น บางคนอยู่ในสมอง พระเจ้าอยู่หัวพูดชอบกล พูดประหลาดๆ

ขอเปิดเผยว่าวิจารณ์ตัวเองได้ ว่าบางทีก็อาจจะผิดแต่ให้รู้ว่าผิด ถ้าเขาบอกว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวว่าผิดให้ขอทราบว่าผิดตรงไหน

ถ้าไม่ทราบ เดือดร้อน

ฉะนั้น ก็ที่บอกว่าการวิจารณ์เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิด เขาก็ถูกประชาชนบอก เป็นเรื่องขอให้เขารู้ว่าวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกก็ไม่ว่า แต่ถ้าวิจารณ์ผิด ไม่ดี

แต่เมื่อบอกว่าไม่ให้วิจารณ์ ละเมิดไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ลงท้ายพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบาก แย่ อยู่ในฐานะลำบาก ถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัวนี้ต้องวิจารณ์ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี

ซึ่งถ้าคนไทยด้วยกัน ก็ (1) ไม่กล้า (2) ไม่เอ็นดูพระเจ้าอยู่หัว ไม่อยากละเมิด

แต่มีชาวต่างประเทศมีบ่อยๆ ละเมิดพระเจ้าอยู่หัว ละเมิด The King แล้วก็หัวเราะเยาะว่า The King ของ Thailand ของพวกคนไทยทั้งหลายเป็นคนแย่ ละเมิดไม่ได้ ในที่สุดถ้าละเมิดไม่ได้ก็เป็นคนเสีย เป็นคนที่เสีย

ฉะนั้น ก็บางโอกาสก็ขอให้ละเมิดจะได้รู้กันว่าใครดีใครไม่ดี

นี่พูดเลยเถิด พูดมากไป แต่ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าไม่ต้องกลัวเพราะว่าไม่มีความผิด คนที่นึกว่ามีความผิดพยักหน้า พยักหน้าว่ามีความผิดจริงๆ ความจริงไม่มีความผิด

คนที่มาก่อนมีความผิดแล้วกลัว คนที่พยักหน้าไม่ได้แก้ไข ที่ผิดตรงนี้ ไม่ได้แก้ไข หลบความรับผิดชอบ มันเป็นอย่างนั้น คือในเมืองไทยนี่คนไหนที่ทำอะไรไม่เข้าร่องเข้ารอยก็ลาออก ลาออกแล้วไม่มีอะไรผิดเลย แม้จะทำอะไรผิดอย่างมาก ถ้าเป็นข้าราชการก็เรียกเข้ากระทรวง เข้ากรุงเทพฯ แล้วก็หมดมุข นานๆ ก็มีเข้าคุก

Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 09, 2005, 12:39:59 pm
เรียกพูดอย่างนี้ชักจะหนัก จะให้เข้าวัง เรียกเข้ากรุงเทพฯ มาเข้าคุก แต่มีที่เกิดเรื่องเข้าคุก แต่ยังไงก็ตามเข้าคุกแล้วถ้าเป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์เองเดือดร้อน เดือดร้อนหลายทาง

ทางหนึ่ง ต่างประเทศบอกเมืองไทยพูดวิจารณ์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ และวิจารณ์ไม่ได้ก็เข้าคุก มีที่เข้าคุกเดือดร้อนกว่าพระมหากษัตริย์ ต้องบอกว่าเข้าคุกแล้วต้องให้อภัย

ที่เขาด่าเราหนักๆ ฝรั่งเขาต่อว่าในเมืองไทยนี่พระมหากษัตริย์ถูกด่า เข้าคุก ที่จริงควรจะเข้าคุกแต่ว่าเพราะฝรั่งบอกอย่างนั้นก็ไม่ให้เข้า ไม่มีใครกล้าเอาคนที่ด่าพระมหากษัตริย์เข้าคุกเพราะพระมหากษัตริย์เดือดร้อน เขาหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นคนที่ไม่ดี อย่างน้อยๆ ที่สุดก็เป็นคนที่จั๊กจี้ ใครมาว่าอะไรนักนิดก็บอกให้เข้าคุก

ตั้งแต่สมัยรัชกาลก่อนๆ ที่เป็นกบฏก็ยังไม่จับใส่คุก ไม่ลงโทษ รัชกาลที่ 6 ท่านไม่ลงโทษไม่มีต้องโทษ หรือผู้ที่เป็นกบฏมาจนกระทั่งถึงต่อมา รัชกาลที่ 9 นี่ ใครเป็นกบฏก็ไม่เคยมีแท้ๆ ที่จริงก็ทำแบบเดียว ไม่ให้เข้าคุก ให้ปล่อย หรือถ้าเข้าคุกแล้วก็ให้ปล่อย ถ้าไม่เข้าคุกก็ไม่ให้ฟ้อง เพราะว่าเดือดร้อน ผู้ที่ถูกด่าเป็นคนที่เดือดร้อน

อย่างคนที่ละเมิดพระมหากษัตริย์ไม่ใช่คนนั้นเดือดร้อน พระมหากษัตริย์เดือดร้อน
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เสียอา on December 09, 2005, 12:40:38 pm
และมีแปลกๆ คราวนี้นักกฎหมายก็ชอบให้ฟ้อง ให้จับเข้าคุก อันนี้นักกฎหมายเขาสอน สอนนายกฯ บอกว่าต้องฟ้อง ต้องลงโทษ

ก็ขอสอนนายกฯ ใครบอกว่าให้ลงโทษ อย่าลงโทษเขา ลงโทษไม่ดี ไม่ใช่นายกฯ เดือดร้อนแต่พระมหากษัตริย์เดือดร้อน

อาจจะอยากให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อน ไม่รู้นะ เขาทำผิดเขาด่าเพื่อที่จะให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อน และก็เดือดร้อนจริงๆ เพราะว่าถ้าใครมาด่าเราชอบไหม ไม่ชอบ ถ้านายกฯ เกิดให้ลงโทษ แย่เลย

แล้วนักกฎหมายต่างๆ ก็ให้ลงโทษคนที่ด่าในหลวง คนที่ด่าพระมหากษัตริย์ ทำไปทำมานี่นะ เขาด่านายกฯ ถ้าด่านายกฯ นายกฯ เดือดร้อนไหม ไม่ควรจะเดือดร้อน แต่ถ้าด่านายกฯ พระมหากษัตริย์ก็ไม่เดือดร้อน เพราะว่าเป็นเรื่องของนายกฯ แต่ถ้าเขาด่าพระมหากษัตริย์นายกฯ เดือดร้อน เพราะว่าต้องเป็นคนจัดการ

เรื่องมันยุ่งอย่างนี้

แล้วกฎหมายก็สอนนายกฯ ไปอย่างนั้น สอนนายกฯ ว่าใครมาด่าเรา เราต้องด่ากลับ มันไม่ดี

พูดชักจะไม่ดีเพราะว่าชักจะเป็นส่วนตัว แต่ว่าเราเองก็ไม่ขอบอกว่า ควรจะทำอะไร

ควรจะรู้ว่ากฎหมายมันต้องรู้ว่าทำอะไรถูกอะไรผิด ไม่ต้องพูดทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน ที่จริงเขาไม่ได้พูดทุกวันแต่เขาทำเทปเอาไว้ หรือทำดีวีดีเพราะว่าแจกทั่วแจกให้ทั่ว ลงท้ายคนก็ฟัง ดูเขาเอือมกันนะ ที่ไปแก้ตัวแทนนายกฯ

วันนี้เราขึ้นมานี่เราแก้ตัวแทนนายกฯ เพราะว่านายกฯ ไม่ผิด นายกฯ ทำได้ทุกอย่าง

ก็เลยให้ ไม่ต้องไปออกทีวีแล้ว ก็ออกทีวีทุกวัน ทุกวัน มีคนเขาบอกว่า เอือมที่ออก แต่ว่ามีหน้าที่ที่จะออกก็ออก มีคนที่เขาเดือดร้อนที่อยู่ในรายการเพราะเขาต้องเป็นคนที่ต้องพูดและคนที่พูดก็เลยถูกลูกหลงไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม การแก้ตัวครั้งเดียวทำได้ แต่แก้ตัว แก้ตัวมาเท่าไหร่ 10 ครั้งแล้วที่ออกทีวีเลยจะเอือม คนเขาอยากดูละคร พอแล้ว

เสียไฟฟ้า ไม่ใช่เสียไฟฟ้าของคนดู เสียไฟฟ้าที่ส่งเพราะว่าทีวีออกทีไฟฟ้าแรง เสียน้ำมันนี่ก็เลยนึกว่าควรจะพูดพอแล้ว

ที่พูดนี่ก็เสียไฟฟ้ามาก เขาควรจะบอกว่าเลิกเสียที ไม่ต้องพูดมาก แต่เราก็พูดต่อเพราะว่าเป็นรายการที่อัดเสียงไว้ใส่เทปไว้ ไม่ได้ออกโทรทัศน์ ไม่ต้องเสียไฟฟ้าสำหรับโทรทัศน์
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เจ้าบ้านบางกอกฯ on April 30, 2006, 01:11:43 pm
ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีพระราชดำรัสที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้พิพากษาศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ผมเห็นว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองเราเลยอยากจะนำมาให้เพื่อนๆ
ชาวบ้านบางกอกได้อ่าน และเก็บไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญครั้งหนึ่งของไทย


พระราชดำรัสที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด (http://kanchanapisek.or.th/speeches/2006/0425-01.th.html)
ชมวิดีโอ [256K) (http://ruby.nectec.or.th:8080/ramgen/MPU/real-video/royal/special/20060425_kingspeech01_v256k.rm)

พระราชดำรัสที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ผู้พิพากษาศาลฎีกา (http://kanchanapisek.or.th/speeches/2006/0425-02.th.html)
ชมวิดีโอ [256K) (http://ruby.nectec.or.th:8080/ramgen/MPU/real-video/royal/special/20060425_kingspeech02_v256k.rm)
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เจ้าบ้านบางกอกฯ on April 30, 2006, 01:21:48 pm
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันอังคารที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

สิ่งที่ได้ปฏิญาณนั้นมีความสำคัญมาก เพราะว่ากว้างขวาง หน้าที่ของผู้พิพากษา หน้าที่ของผู้ที่เป็นตุลาการศาลปกครอง มีหน้าที่กว้างขวางมาก ซึ่งเกรงว่า ท่านอาจจะนึกว่า หน้าที่ของผู้ที่เป็นศาลปกครอง มีขอบข่ายที่ไม่กว้างขวาง ที่จริงกว้างขวางมาก ในเวลานี้ถ้าจะนึกว่าจะพูด ศาลเองก็นึก ที่อยากจะพูดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และโดยเฉพาะเลือกตั้งของ ผู้ที่ได้คะแนนไม่ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์

แล้วก็เขาเลือกตั้งอยู่คนเดียว ซึ่งมีความสำคัญ เพราะว่าถ้าไม่ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็คนเดียว ในที่สุดการเลือกตั้งไม่ครบจำนวน ไม่ทราบว่า เกี่ยวข้องกับท่านหรือเปล่า แต่ความจริงน่าจะเกี่ยวข้องเหมือนกัน เพราะว่าถ้าไม่มีจำนวนผู้ที่ได้รับเลือกตั้งพอ ก็กลายเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย ดำเนินการไม่ได้

แล้วถ้าดำเนินการไม่ได้ ที่ท่านได้ปฏิญาณเมื่อตะกี้นี้ ก็เป็นหมัน ที่บอกว่าจะต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้การปกครองแบบประชาธิปไตย ต้องดำเนินการไปได้ ท่านก็เลยทำงานไม่ได้ ถ้าท่านทำงานไม่ได้ ก็มีทาง ท่านอาจจะต้องลาออก แต่ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหา ไม่ได้แก้ปัญหาที่มีอยู่ ต้องหาทางแก้ไขให้ได้ เขาอาจจะบอกว่า ก็ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็บอก ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่อง ศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการร่างรัฐธรรมนูญ ร่างเสร็จแล้วก็ไม่เกี่ยวข้อง

ก็เลยขอร้องให้ท่าน อย่าไปทอดทิ้งการปกครองแบบประชาธิปไตย การปกครองแบบที่ จะทำให้บ้านเมืองดำเนินการไปได้ แล้วก็อีกข้อหนึ่ง การที่จะบอกว่า มีการยุบสภา และต้องเลือกตั้งภายใน ๓๐ วัน ถูกต้องหรือไม่ ไม่พูดถึง ไม่พูดกันเลย ถ้าไม่ถูก ก็จะต้องแก้ไข หมายความว่า อาจจะให้การเลือกตั้งนี้ เป็นโมฆะหรือไม่นั้น ซึ่งท่านจะมี มีสิทธิ ที่จะบอกว่า อะไรที่ควรหรือไม่ควร

ไม่ได้ว่า บอกว่ารัฐบาลไม่ดี แต่ว่าเท่าที่ฟังดู มันเป็นไปไม่ได้ ในการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย เลือกตั้งพรรคเดียว คนเดียว ไม่ใช่ทั่วไป อย่างมีคนที่สมัครเลือกตั้งคนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตย เมื่อไม่เป็นประชาธิปไตย ท่านก็ควรจะคิดว่า ท่านต้องดูเกี่ยวข้องกับเรื่องของการปกครองให้ดี ก็ขอฝากอย่างดีที่สุด ถ้าจะ ถ้าจะทำได้

ท่านลาออก ท่านเอง ไม่ใช่รัฐบาลลาออก ท่านเองต้องลาออก ทำไม่ได้ รับหน้าที่ไม่ได้ ตะกี้ที่ ที่ปฏิญาณ ไปดูดีๆ จะเป็นการไม่ได้ทำตามที่ปฏิญาณ แล้วก็ ตั้งใจฟังวิทยุเมื่อเช้านี้ กรณีเกิดที่ ที่นบพิตำ กรณีที่จังหวัด ที่อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช อันนั้นไม่ใช่แห่งเดียว ที่อื่นมีอีกหลายแห่ง ที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม บ้านเมืองไม่สามารถ ที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์ ที่ไม่ถูกต้อง

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านไปศึกษาว่า เกี่ยวข้องหรือไม่ ท่านเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ถ้าท่านไม่เกี่ยวข้อง ท่านก็ลาออกดีกว่า ท่านผู้ที่เป็นผู้ที่ได้รับหน้าที่ ท่านเป็นผู้ที่มีความรู้ เป็นผู้ที่ต้องทำให้บ้านเมืองดำเนินได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องไปปรึกษากับผู้พิพากษาที่จะเข้ามา เข้ามา ผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านผู้นี้ก็คงเกี่ยวข้องเหมือนกัน ก็ปรึกษากัน สี่คน

แล้วท่านปรึกษากับผู้พิพากษาศาลฎีกาที่จะเข้ามาใหม่ ปรึกษากับท่าน ก็เป็นจำนวนหลายคน ที่มีความรู้ ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ที่มีความรักในหน้าที่ ที่จะทำให้บ้านเมืองมีขื่อมีแป อันนี้ก็ขอฝาก ก็จะขอบใจมาก เดี๋ยวนี้ยุ่ง เพราะว่าถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่ทางที่จะปกครองแบบประชาธิปไตย ของเรามีศาลหลายชนิดมากมาย เรามีสภาหลายแบบ และทุกแบบจะต้องเข้ากัน ปรองดองกัน และคิดหาทางที่จะแก้ไขได้

ที่พูดอย่างนี้ ค่อนข้างจะประหลาดหน่อย ที่ขอร้องอย่างนี้ แล้วก็ ไมอย่างนั้นเดี๋ยวก็ต้องบอกว่าต้องทำมาตรา ๗ มาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอยืนยัน ยืนยันว่ามาตรา ๗ นั้นไม่ได้หมายถึง ให้ มอบให้พระมหากษัตริย์ มีอำนาจที่ จะทำอะไรตามชอบใจ ไม่ใช่ มาตรา ๗ นั้น พูดถึงการปกครอง แบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่า ให้พระมหากษัตริย์ตัดสินใจ ทำได้ทุกอย่าง

ถ้าทำเขาก็จะนึกว่าพระมหากษัตริย์ ทำเกินหน้าที่ ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยทำเกินหน้าที่ ถ้าทำเกินหน้าที่ ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เขาอ้างถึงเมื่อครั้งก่อนนี้ เมื่อ รัฐบาลของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนนั้นไม่ได้ทำเกินอำนาจพระมหากษัตริย์ ตอนนั้นมีสภา สภาไม่อยู่ ประธานสภา รองประธานสภาไม่อยู่ แล้วก็รองประธานสภาทำหน้าที่ แล้วมีนายกที่สนองพระบรมราชโองการได้ ตามรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น

ไม่ได้หมายความว่า ที่ทำครั้งนั้นผิดรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ ตอนนั้นก็ไม่ใช่นายกพระราชทาน นายกพระราชทานหมายความว่า ตั้งนายกโดยไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย ตอนนั้นมีกฏเกณฑ์ เมื่อครั้งอาจารย์สัญญาได้รับตั้งเป็นนายก เป็นนายกที่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือรองประธานสภานิติบัญญัติ ฉะนั้น ไป ไปทบทวนประวัติศาสตร์หน่อย ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านก็ทราบว่า มี มีกฎเกณฑ์ที่รองรับ

แล้วก็งานอื่นๆ ก็มี แม้จะที่เรียกว่าสภาสนามม้า เขาก็หัวเราะกัน สภาสนามม้า แต่ไม่ผิด ไม่ผิดกฎหมาย เพราะว่านายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนอง นายกรัฐมนตรีคืออาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับสนองพระบรมราชโองการ ก็สบายใจว่า ทำอะไรแบบถูกต้อง ตามครรลองของรัฐธรรมนูญ แต่ครั้งนี้ ก็จะให้ทำอะไรผิด ผิดรัฐธรรมนูญ ใครเป็นคนบอกก็ไม่ทราบนะ ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกว่าผิด ถือโอกาส ขอให้ช่วยปฏิบัติอะไร คิดอะไร ไม่ให้ผิดกฎเกณฑ์รัฐธรรมนูญ จะทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นสิ่งที่เป็นอุปสรรค และมีความเจริญรุ่งเรืองได้ ขอขอบใจท่าน
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เจ้าบ้านบางกอกฯ on April 30, 2006, 01:26:11 pm
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันอังคารที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

จะปฏิบัติ ปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาศาลฎีกา ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เมื่อตะกี้พูดกับฝ่ายศาล ศาลปกครอง แล้วก็ขอให้ เดี๋ยวเชิญไปปรึกษากับท่าน เพราะว่าสำคัญที่ผู้พิพากษาทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่เป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา และประธานศาลฏีกาเป็นโดยเฉพาะ

ในปัจจุบันนี้มีปัญหาทางกฏหมายที่สำคัญมาก ปฏิญาณว่าจะทำให้เกิดการปกครองแบบประชาธิปไตย คือเวลานี้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยนั่นเอง แต่ถ้าไม่มีสภาที่ครบถ้วน ก็ไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ฉะนั้นก็ต้องขอให้ไปปรึกษากับ ผู้ที่มีหน้าที่ในฝ่ายปกครอง ฝ่ายศาลอาญา ที่อธิบายเมื่อตะกี้

แต่ก่อนนี้มีแค่อย่างเดียว มีศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลอาญา ศาลเศรษฐกิจ เดี๋ยวนี้มีศาลหลายอย่าง ก็เมื่อมีก็ต้องให้ดำเนินการไปด้วยตัวเอง และก็ขอให้ไปปรึกษากับศาลอื่นๆ ด้วย จะทำให้บ้านเมือง ปกครองแบบประชาธิปไตยได้ อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกพระราชทาน

เพราะขอนายกพระราชทาน ไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก ที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทานนายกพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา ๗ ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา ๗ มี ๒ บรรทัดว่า อะไรที่ไม่ ไม่มีระบุในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณี หรือตามที่เคยทำมา ไม่มี เขาอยากจะได้นายกพระราชทาน เป็นต้น จะขอนายกพระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องของการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ ขอโทษด้วย แบบมั่ว คือแบบไม่ ไม่ ไม่มีเหตุมีผล สำคัญอยู่ที่ ท่านที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่ ที่แจ่มใส สามารถ ควรจะสามารถที่จะไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือ ปกครองต้องมี ต้องมีสภา สภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนก็ว่าไม่ได้ อาจจะ อาจจะหาวิธีที่จะ ที่จะตั้งสภาที่ให้ครบถ้วน แบบทำงาน ทำงานได้

ก็รู้สึกว่าจะมั่ว ก็อยากจะต้องขอโทษอีกทีว่า ใช้คำว่ามั่ว ไม่ถูก ไม่ทราบใครจะทำมั่ว แต่ว่าปกครองประเทศมั่วไม่ได้ ที่จะคิดอะไรแบบ นึกว่าทำปัดๆ ไปให้เสร็จๆ ไป ถ้าไม่ได้ เขาก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่วอย่างอื่น เพราะพระมหากษัตริย์ ไม่ ไม่มีหน้าที่ ที่จะไปมั่ว ก็เลยต้องขอร้องฝ่ายศาล ให้คิด ให้ช่วยกันคิด เดี๋ยวนี้ประชาชน ประชาชนทั่วไปเขาหวังในศาล โดยเฉพาะศาลฎีกา และศาล ศาลอื่นๆ

เขายังบอกว่าศาล ขึ้นชื่อว่าเป็นศาลดี ยังมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีเหตุมีผล และมีความรู้ เพราะท่านได้เรียนรู้กฎหมายมา และพิจารณาเรื่องกฎหมายที่ ที่ต้องศึกษาดีๆ ประเทศชาติจึงจะรอดพ้นได้ ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักของการปกครองที่ถูกต้อง ประเทศชาติไปไม่รอด อย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ บอกว่าไม่มีสภา สมาชิกสภาถึง ๕๐๐ คน ทำงานไม่ได้

ก็ต้องพิจารณาดูว่า จะทำอย่างไร สำหรับให้ทำงานได้ จะมาขอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน เขาอาจจะว่ารัฐธรรมนูญนี่ พระมหากษัตริย์ เป็นคนลงพระปรมาภิไธย จริงที่ลงพระปรมาภิไธย ก็เดือดร้อน แต่ว่าในมาตรา ๗ นั้นไม่ได้บอกว่า พระมหากษัตริย์สั่งได้ ไม่มี ลอง ลองไปดูมาตรา ๗ เขาเขียนว่า ไม่มีการบทบัญญัติแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่า มีพระมหากษัตริย์ที่จะมาสั่ง สั่งการได้

แล้วก็ขอยืนยันว่า ไม่เคยสั่งการอะไร ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ของ ของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ซึ่งคือกฎหมาย พระราชบัญญัติต่างๆ ทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง อย่างที่เขาขอ บอกว่า ขอให้มี ให้พระราชทานนายกพระราชทาน ไม่เคย ไม่เคยมีข้อนี้ มีนายก แบบมีการรับสนองพระบรมราชโองการ ที่ถูกต้องทุกครั้ง มีคนเขาก็อาจจะมา มาบอกว่า พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ นี่ทำตามใจชอบ ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ

ตั้งแต่เป็นมา มีรัฐธรรมนูญหลายฉบับ แล้วก็ทำมาหลายสิบปี ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ ถ้าทำตามใจชอบนี่ ก็เข้าใจว่า บ้านเมืองล่มจมมานานแล้ว แต่ตอนนี้เขาขอให้ทำตามใจชอบ แล้วเวลาถ้าเขา ถ้าทำตามที่เขาขอ เขาก็จะต้อง ต้องด่าว่านินทาพระมหากษัตริย์ ว่าทำตามใจชอบ ซึ่งไม่ใช่กลัว ถ้าต้องทำก็ต้องทำ แต่ว่ามันไม่ต้องทำ

(โปรดอ่านต่อในกระทู้พระราชดำรัสต่อจากกระทู้นี้)
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: เจ้าบ้านบางกอกฯ on April 30, 2006, 01:27:48 pm
พระราชดำรัส พระราชทานแก่ผู้พิพากษาศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วันอังคารที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙

(ต่อจากกระทู้พระราชดำรัสด้านบน)

อันนี้อยู่ที่ผู้พิพาษาศาลฎีกาเป็นสำคัญ ที่จะบอกได้ ศาลอื่นๆ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอะไร ไม่มีความ ไม่มีข้อที่จะห้ามได้มากกว่าศาลฎีกา กับผู้พิพากษาศาลฏีกา ที่จะ มีสิทธิที่จะพูด ที่จะ ที่จะตัดสิน ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านได้พิจารณากันดู แล้วไปพิจารณา ไปปรึกษากับผู้พิพากษาศาลอะไรอื่นๆ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าควรจะทำอะไร แล้วต้องรีบทำ ไม่งั้นบ้านเมืองล่มจม พอดีเมื่อกี๊ดู ดูทีวี เรือหลายหมื่นตันโดนพายุ จมลงไปสี่พันเมตรในทะเล เขายังต้อง ต้องดูว่าเรือนั้นลงไปยังไง

เมืองไทยจะจมลงไปลึกกว่าสี่พันเมตร แล้วก็ลึก กู้ไม่ได้ กู้ไม่ขึ้น ฉะนั้น ท่านเองก็จะ เท่ากับจมลงไป ประชาชนทั่วไป ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็จะจมลงไปในมหาสมุทร เดี๋ยวนี้เป็นเวลาที่วิกฤต วิกฤติที่สุดในโลก ฉะนั้นท่านก็มีหน้าที่ ที่จะปฏิบัติ ปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ เพื่อที่ เขาเรียกว่า กู้ชาตินะ เดี๋ยวนี้เอะอะอะไรก็กู้ชาติ กู้ชาติ กู้ชาตินี่ เดี๋ยวนี้ยังไม่ ยังไม่ได้จม ทำไมถึงจะกู้ชาติ แต่ว่าป้องกันไม่ให้จมลงไป แล้วเราจะต้องกู้ชาติจริงๆ แต่ถ้าจมแล้ว แล้วก็กู้ชาติ กู้ชาติไม่ได้ จมไปแล้ว

ฉะนั้นก็ ไปคิด ไปพิจารณาดูดีๆ ว่า ว่าจะทำอะไร ถ้าทำได้ปรึกษาหารือกันได้จริงๆ ประชาชนทั้งประเทศ และประชาชนทั่วโลก จะอนุโมทนา และจะเห็นว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาในเมืองไทยยังมี เรียกว่ายังมีน้ำยา แล้วเป็นคนที่มีความรู้ และตั้งใจที่จะ ที่จะกู้ชาติจริงๆ ถ้าถึงเวลา ก็ขอขอบใจท่าน ที่ตั้งอกตั้งใจที่จะทำหน้าที่ แล้วก็ทำหน้าที่ที่ดี บ้านเมืองก็รอดพ้น ไม่ต้องกู้

ขอขอบใจที่ท่านพยายามปฏิบัติด้วยดี แล้วก็ประชาชนจะอนุโมทนา ขอบใจแทนประชาชนทั่วทั้งประเทศ ที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่เข้มแข็ง ขอบใจ ขอให้ท่านสามารถที่จะปฏิบัติงานได้ดี มีพลานามัยแข็งแรง ต่อสู้ ต่อสู้ ต่อสู้เพื่อความดี ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศ ขอบใจ
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: lima on April 30, 2006, 03:40:10 pm

              .........ขอบคุณเจ้าบ้านมากครับ......." ขอพระองค์ทรงพระเจริญ "
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: fatwilly on April 30, 2006, 03:42:46 pm
long live his majesty the king &v&
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: toonB4 on May 04, 2006, 02:05:31 pm
"ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"

 &v& &v& &v&
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: Loong-Sawasdee on June 14, 2006, 03:18:29 pm
ยังมีพระราชดำรัสที่สำคัญ ๆ อีกหลายวาระ สำหรับวันนี้ขอนำพระราชดำรัสในวันมหาปิติ เมื่อ 14 ตุลาคม 2516  มาลง ซึ่งสมาชิกบางคนยังไม่เกิด
เหตุการณ์ในครั้งนี้เห็นว่าจะนำมาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ด้วย ป่านนี้ไม่ทราบว่าเรียบร้อยหรือยัง
อ้อ ยังมีพระราชดำรัสเนื่องในวันพฤษภาทมิฬ เมื่อเดือน พฤษภาคม 2534 อีกด้วย  จะได้นำลงในโอกาสต่อไป
ขอหัวข้อนี้เป็นหัวข้อ "รวมพระราชดำรัส" ก็แล้วกัน
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 09, 2007, 11:10:08 am
4 ธันวาคม 2550

ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวคำอวยพร และขอขอบใจท่านทั้งหลายที่ได้มาเยี่ยมและมาให้พรทำให้มีกำลังใจความจริงการที่ท่านมานี่ เป็นการให้กำลังใจ ที่บอกว่าดูแข็งแรง ดูมีอนามัยที่ดี ความจริงไม่ใช่ ความดีของแพทย์ เป็นความดีของเรา ที่ตั้งใจให้แข็งแรงเพื่อที่จะต้อนรับท่านได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะแข็งแรงที่จะต้อนรับท่านก็เดินมาต้อนรับท่านไม่ได้เพราะว่าเดินก็เดินขาล้ำไปข้างหน้าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งล้ำไปข้างหลังไม่ค่อยยอมสามัคคี ต้องสามัคคี
 
แล้วก็ได้พูดเมื่อวานซืนนี้ว่า ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคีเหมือนขาของเราที่จะต้องเดินสามัคคีกันหมายความว่าก้าวไปข้างหน้าแล้วอีกข้างหนึ่งก็ยันข้างหลังและเมื่อยันข้างหลังเรียบร้อยแล้วก็ก้าวไปข้างหน้าอีกข้างหนึ่ง อันนี้ก็สามารถเดินได้และไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคีก็บอกแล้วว่าประเทศจะประสบความหายนะไม่ใช่คำหายนะแต่ก็คล้าย ๆ กัน ว่าถ้าไม่สามัคคีกันไม่ปรองดองกันประเทศชาติล้ม ถ้าล้มก็ผลของการล้มนั้นมีหลายอย่าง ถ้าร่างกายก็ ร่างกายกระดูกหักและต้องเข้ารักษาที่รักษานาน ๆ ไม่มีสิ้นสุด ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหนคือล่ม ล่มก็หมายถึงว่าลงไป จม ล่มจมถ้าเราไม่ระวังประเทศชาติล่มจม เพราะว่าเมืองไทยก็ติดทะเลถ้าล่มไปล่มมาก็ลงทะเล และสมัยนี้เขาก็ขู่กันว่าน้ำทะเลจะขึ้น แล้วก็เพราะว่า อากาศมันร้อน แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ร้อนจริง มาตั้งแต่ต้นธันวานี้ คนบ่นว่าอากาศเย็น อากาศหนาว ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใครว่า ตอนนี้จะหนาวหรือจะร้อน
 
แต่ว่าคำว่าร้อน ร้อนจริง ๆ คือ เดือน ร้อน เดือดร้อนมากกว่า ทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่ก็จะเดือดร้อน ภาษาไทยใช้คำว่าเดือดร้อน  ร้อนแล้วเดือด น้ำเดือดมันร้อน อากาศร้อนก็อากาศทำให้เราไม่สบาย ถ้าไม่สบายแล้ว อยู่ไม่ค่อยได้ ที่อากาศร้อนก็เพราะว่า เพราะว่าอากาศมันเจอความร้อนของพระอาทิตย์ ซึ่งเมืองไทยก็ดีอยู่เหมือนกันว่าอากาศร้อนไม่ได้เย็น ไม่ได้เย็นเหมือนอเมริกา เดี๋ยวนี้ที่อเมริกากำลังเดือดร้อน เพราะอากาศเย็น อากาศเย็น หิมะตก มี ซึ่งตามปกติไม่น่าจะตกอย่างนี้ แต่ว่าอเมริกากำลังร้อน เดือดร้อนในความเย็น
 
เมืองไทยนี้ก็มีความเดือดร้อนด้วยความเย็นเหมือนกัน แต่ว่าพูดว่าเดือดร้อน แล้วก็พูดถึงว่าเมืองไทย บ่นว่าเดือด ที่จริงไม่ได้เดือด แต่คนน่ะเดือด คนมันทำเดือด ทำให้คนเดือดร้อน แล้วเวลาเดือดร้อนเนี่ยมันไม่สบาย น้ำเดือดมีประโยชน์ต้มไข่ได้ แต่ว่าถ้าเดือดเฉย ๆ ไม่มีประโยชน์ทำให้คนเดือดร้อนนี่ สิ้นเปลืองเปล่า ๆ แล้วก็เมื่อคนทำให้เดือดร้อน ที่ว่าสิ้นเปลืองเปล่า ๆ แล้วก็บ่นบ่นว่าประเทศลุกเป็นไฟ ก็ต้องระวังไม่ให้ลุกเป็นไฟ เพราะว่าจะทำให้ล่มจม ล่มจมนี้ที่ต่างประเทศเขาบอกว่า เมืองไทยจะล่มจะจม ความจริงยังไม่ล่มแล้วก็ไม่จม แต่ถ้าไม่ระวังก็จะล่มจม
 
ฉะนั้น ก็จะต้องระมัดระวัง ทุกวันนี้ไม่ปรองดองกัน เมื่อไม่ปรองดองก็มีรู ก็จะล่มจะล่มจมลงไป ที่จริง พยายามจะอุดช่องไว้อย่างมาก เช่นน้ำจะท่วมก็ปิดกั้นไม่ให้น้ำท่วม แต่ที่เขาทำน้ำจะท่วมก็ต้องสูบน้ำออกไปใส่ในทะเล ทะเลก็มีน้ำมากเกินไป น้ำก็ล้นเข้ามาในผืนแผ่นดิน ประเทศชาติก็ล่มจม ฉะนั้นการป้องกันไม่ให้ล่มจมจะต้องระวังไม่ให้น้ำขึ้นมากเกินไป ซึ่งถ้าน้ำขึ้นมากเกินไปก็ต้องแก้ไข จะแก้ไขนี่มีหลายวิธีจะต้องทำเขื่อน แต่ว่าเขาด่ากันว่าถ้าทำเขื่อนเท่ากับประเทศก็จะจม จมในน้ำเพราะว่าตั้งเขื่อนน้ำก็ต้องขังไว้ แต่ว่าการขังน้ำโดยใช้เขื่อนนั้น มันมีหลายวิธีซึ่งบางทีไม่เข้าใจทำเขื่อนก็น้ำก็ท่วม แต่ถ้าหากว่าทำเขื่อนแล้วไม่ระวัง ไม่ได้บริหารเขื่อนนั้นให้ดี ก็อาจทำให้น้ำท่วม อย่างที่เคยพูดถึงเขื่อนป่าสัก
 
เขื่อนป่าสักนี้ถ้าไม่ได้ทำ ถ้าไม่ได้ทำ ก็จะเสียเงินเป็นพันล้านทุกปี แล้วก็เสียเงินอย่างนี้แล้ว ไม่ได้อะไรเลย เดี๋ยวนี้ที่ได้ทำป่าสักมาทุกปี มีผลดีคือ ทำการเกษตรกสิกรรมได้ผล แล้วเมื่อได้ผลแล้วก็ได้รายได้ถ้าไม่ได้ผลก็จะต้อง ก็จะต้อง นี่ก็น้ำท่วมทุ่ง นี่อย่างนี้น้ำท่วมทุ่งเลย นี่เหมือนพ่อ พูดมาก ปู่พูดไม่มาก เวลาพูดเค้าก็ว่าบาปพูดมาก หาว่าทำน้ำท่วมทุ่ง ไอ้น้ำท่วมทุ่งนี้มันไม่ดี เพราะว่าเวลาท่วมทุ่ง ไอ้ทุ่งนั้นน่ะทำอะไรไม่ได้ พืชผลต่าง ๆ ก็เน่า แล้วก็ถ้าพืชผลเน่าก็เท่ากับทำให้ทำลายพืชผลนั้น ซึ่งตามปกติพืชผลขึ้นมา สามารถที่จะขายได้ แต่พืชผลที่เน่าขายไม่ได้ พืชผลที่เน่าทำให้เสียหาย
 
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 09, 2007, 11:10:27 am
แต่ที่ปลื้มใจที่ป่าสักนี้ น้ำท่วมมีบ้างแต่น้อยมาก คือว่าแต่ก่อนนี้ทุกปี ก็เสียเงินเป็นพันล้าน สำหรับแก้ไขเรื่อย เรื่องน้ำท่วม เสียหายไปพันล้านนั้นน่ะไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่าย ถ้ามีรายได้ก็ไม่เป็นไร น้ำท่วมที่ เวลามี มีน้ำท่วมขึ้นมาความจริงก็มีรายได้ เพราะว่าอย่างเช่นข้าวถ้าไม่มีน้ำก็แห้ง แห้งผาดไม่มีผล แต่อย่างไรไม่มีผลอย่างนั้นยังงอกออกมาได้ ก็ยังมีข้าว ถ้าข้าวนั้นถูกท่วมและเน่า ต้องเสียข้าวต้องเสียไม่ได้ผล มีแต่ทำเสียไม่มีทำได้ ฉะนั้น การที่ทำเขื่อนแล้วก็ไม่มีน้ำท่วมก็มีจ่ายเงินสำหรับค่าทำเขื่อน แล้วก็มีเสียหายเล็กน้อย จนถึงเดี๋ยวนี้เมืองไทยก็ มีรายได้ มากกว่ารายจ่าย แต่ว่าถ้าไม่ได้ทำโครง  การป้องกันไม่ให้น้ำท่วมมีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้ อย่างนี้เราก็อยู่ไม่ได้
 
อันนี้พูดเป็นปริศนาว่าถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่มีรายจ่าย คือว่าถ้าไม่มีรายได้ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเพื่อให้อยู่ดี มีแต่ต้องจ่ายสำหรับป้องกันน้ำท่วมนั้น ป้องกันแล้วไม่มีกำไรเลย มีแต่เสีย ฉะนั้น ที่คนเขาว่าทำโครงการแล้วก็เสียทิ้ง เสียเงิน แต่ว่าไม่เสียผลประโยชน์ ฉะนั้น ก็ต้องคิดให้ดีว่า ที่ได้ทำหลายด้าน ทำโครงการนั้นก็มีจุดประสงค์ที่จะให้มีรายได้ แต่ถ้าพูดอย่างที่เขาพูดจ่ายเงินเยอะแยะ แต่ไม่ถูกใจ จ่ายแยะ แต่ว่าไม่ได้เสีย เพราะว่ามีรายได้
 
นี่เราพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้นะ ท่านก็งง ท่านมองหน้าว่าเอ๊ะจะไปไหน ไปเถอะ ต้องทำโครงการอะไรก็ตามจะต้องมีเหตุผล ก็ต้องบริหารงานการให้ดี พูดถึงบริหาร ข้างหน้านี้ก็มีฝ่ายที่จะเป็นรัฐบาล รัฐบาลการบริหาร แต่ว่าบริหารนี้มีทุกอย่าง บริหารโครงการ บริหารกิจการต่าง ๆ บริหารการเงินทุกอย่างก็ต้องบริหารดี ๆ ฉะนั้นก็ถ้าไม่บริหารก็ล่มจม แต่คนที่ไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร มีแต่ตำหนิติเตียนว่า ไม่ทำ ที่จริงฝ่ายบริหารเขาก็ทำ คนที่ติเตียนนั้นก็เป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตรงข้ามมีแต่ทำลาย
 
ฉะนั้น ที่มาเมื่อสองสามวันนี่ ชักกลุ้มใจที่ฟังวิทยุเขาพูด พูดว่าเมืองไทยนี้ไม่ก้าวหน้าเลย แต่ความจริงก็ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำอะไรเลยป่านนี้ก็ล่มจมแล้ว ถ้าไม่ทำก็ล่มจมเหมือนน้ำท่วม ล่มจม นี่พูดถึงน้ำมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวหาว่าพูดน้ำท่วมทุ่ง แต่ว่าอย่างไรก็ตามต้องพูดวันนี้ตั้งใจจะต้องพูดว่าถ้าไม่ทำอะไร ทำแต่พูด ก็จะไม่ดี นี่ก็พูดมาก มามากแล้ว คล้าย ๆ ปรามไม่ให้พูดแต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ท่านเงียบหมดทุกคนเงียบ ก็หมายความว่าท่านตั้งใจจะไม่พูด เราก็เห็นว่าท่านไม่พูด เราก็จะไม่พูด แต่ก็พูดมากแล้ว ยังไงก็ตาม ก็จะต้องอธิบายว่าไปเข้าโรงพยาบาลนี้ เข้า ๆ ออก ๆ เข้า ๆ ออก ๆ หนังสือพิมพ์ก็ลงวันนี้เข้าแต่งสีชมพู ออกมาแต่งสีฟ้า เขาเหมือนตำหนิติเตียนว่าทำไมเปลี่ยน ก็เข้า ๆ ออก ๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ถ้าเข้า ๆ ออก ๆ แล้วแต่งเครื่องแบบมันก็น่าเบื่อ
 
อย่างท่านนายกฯแต่งเครื่องแบบก็บอก น่าเบื่อ เบื่อหน้าแล้ว ถ้าเบื่อหน้าก็ไล่ออกสิ แต่ท่านนายกฯไม่ได้ยิน เดี๋ยวหาว่าท่านนายกฯเดี๋ยวนี่ก็แก่แล้ว เค้าว่าแก่ที่จริงหนุ่ม หนุ่มนิดเดียว ของเราหนุ่มแบบพรุ่งนี้จะอายุ 80 ไม่นึกเลยว่าจะถึงอายุ 80 ใครจะว่าแก่ก็ไม่ว่า ใครตำหนิว่าแก่ไม่ว่า เพราะว่าแก่จริง ๆ แต่คนที่อายุ 60 ไม่แก่ แต่ว่าท่านนายกฯ ก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเพราะว่าเจอทีไรก็แต่งเครื่องแบบขาว ความจริงควรจะแต่งสีอื่นบ้าง ของเราวันนี้ไม่มีสีขาว สีเหลือง แล้วเนกไทเป็นสีเหลือง ก็ต้องมีสีชมพูด้วย ก็หมายความว่าเราก็แก่แล้วทำไม ไม่อยากแต่งตัวให้น่าเบื่อ วันนี้ก็เตรียม เสื้อคล้ายองคมนตรี เสื้อเชิ้ตขาว แล้วก็เสื้อไม่ใช่ ท่านองคมนตรีประธาน......คนอื่นก็มี แต่ว่าเสื้อสีน้ำเงินแก่ เราก็แต่งสีเทา ที่จริงแต่งไม่น่าเบื่อแต่ก็ยังมีเนกไทสีเหลือง ก็ให้เก๋หน่อย อย่างดีไม่ได้ใส่สีชมพู แต่วันนั้นใส่สีชมพู เขาก็ตื่นเต้น เวลาใส่สีชมพูแล้วก็ใส่สีเขียว ใส่สีอะไรก็ได้ สีแดงก็ยังได้  สีแดงนี่เป็นกาลกิณีของเรา คนเขาว่ามาเป็นกาลกิณีของเราไม่น่าจะใช่ นี่ยังไง ตั้งแต่แม่ ท่านเกิดวันอาทิตย์ท่านก็สีแดง พี่สาวก็เกิดวันอาทิตย์ พี่ชายก็เกิดวันอาทิตย์ เป็นสีแดง คนที่รับใช้ก็เกิดวันอาทิตย์ ยังดีทองแดงนี้ดีก็ไม่ได้ เกิดวันอาทิตย์ เขาเกิดวันเสาร์เขาเป็นสีม่วง ทองแดงสีม่วง เราก็ไม่เดือดร้อน สีม่วงก็ดี วันก่อนนี้ใส่สีม่วงก็เลยใช้ได้ทุกอย่าง ไม่เหมือนท่านนายกฯใส่เครื่องแบบขาวทุกวันทุกครั้งมันน่าเบื่อ ก็จริงน่าเบื่อ แต่ว่าท่านเรียบร้อย แล้วก็แต่งขาวมาทำงานได้ดี ถ้าทำงานได้ดีก็ไม่น่าเบื่อ ท่านผู้หญิงสีเหลือง สีเหลืองแต่เหลืองอ๋อย สีเหลืองนี่ ความจริงตามเรื่องต้องเป็นสีค่อนข้างเหลืองอ่อนมาก อย่างวันออก เมื่อวานนี้ใส่สีเหลือง สีเหลืองอ่อนนั่นน่ะเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง ก็เพราะเป็นสีเหลืองที่สว่างของพระจันทร์ ส่วนใหญ่ที่เขาให้มีกระต่ายอยู่ด้วย เป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง
 
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 09, 2007, 11:11:06 am
แต่มาพูดบอกว่าท่านนายกฯ แต่งขาวนี่ก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าวันจันทร์ก็เป็นสีขาว อยู่ดี แล้วก็จะบอก ใครมาบอกว่าท่านนายกฯ น่าเบื่อ ไม่ได้แต่งสีขาวสวยมาก ดีมาก ทำงานอะไรก็คล่องแคล่ว ไม่ใช่ทำงานไม่ดี ทำงานดี สีขาวก็หมายความว่าหมดจดดี แล้วก็ตั้งแต่ครั้งแรกที่คนเขาตำหนิเมื่อปีที่แล้ว ไปบอกว่านายกฯอายุมาก ก็เปรียบเทียบกับนายกฯเก่า นายกฯเก่านั้นน่ะ เขาเด็กกว่า แต่ก็ไม่เท่าไรก็แก่ ฉะนั้นนายกฯกำลังดี 60 กว่า ๆ กำลังดี ไม่เหมือนเรา เราแก่เกินไป เราแก่แล้วก็ประธานองคมนตรีก็ยิ้ม ๆ บอกว่าท่านก็แก่กว่า แต่ท่านเปรม ท่านเก่งกว่าท่านแข็งแรง ท่านแข็งแรง 80 กว่านี้ กำลังดี พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็จะ 80 กว่า กำลังแข็งแรง คนอื่นไม่แข็งแรง ยังไม่ 80
 
พูดถึง 80 ก็มีอยู่ว่าพี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างแก่ แล้วเมื่อวาน เมื่อวานนี้ไปเยี่ยม ที่จริงไม่ควรจะ ควรจะมาพักที่สวนจิตร แต่ท่าน    ไม่สบายก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจกัน วันนี้ก็ไปไม่ได้เพราะว่ามีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ เรียกว่าต้องไปเยี่ยมท่านไม่สบาย แต่ว่ามีอยู่ว่าประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมาย ที่โรงพยาบาลมีประชาชนไปเยี่ยมเต็ม เต็มลาน ห้องชุมนุมเต็ม ก็เลยทำให้สบายใจว่ามีคนเอาใจใส่ คนที่ไม่สบายให้กำลังใจ
 
อันนี้ต้องชมคนไทยว่าคนไหนไม่สบายก็ให้กำลังใจ ถึงว่าคนไหนไม่สบายรู้ว่ามีคนเอาใจใส่ก็สบาย อย่างที่เข้าโรงพยาบาลไม่รู้ตัว ว่าไม่สบาย เขาหาว่าเราจะแย่ก็ดูแล คนเขาว่าพิการที่สมอง สมองเรา เราก็รู้สึกว่าไม่มีอะไร ทำไปทำมาบอกว่าเป็นที่ลำไส้ เขาบอกว่าพิการหรือป่วยที่ลำไส้เขาก็หาใหญ่ ตามธรรมดาลำไส้ที่พิการเขาจะดูทางขวา ทางซ้าย ทางซ้าย ทำไปทำมากลับดูว่าเป็นพิการทางขวา ทางขวาของเรานี่ เขาไปดูทางซ้าย ทางซ้ายไม่มีอะไรเขาก็เคาะใหญ่ เคาะใหญ่ ไม่เป็นไร แท้ที่จริงเป็นทางขวาเขาก็บอกว่าประหลาดพิการทางขวา เลยนึกว่าตัวเรา เราเป็นคนประหลาด เวลาดูว่าป่วยทางไหน ก็มากดดู ป่วยทางขวา ก็แล้วไป
 
แต่ทีหลังทำไปทำมาก็เรียบร้อย ดูแล้วไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นแล้วเขาก็บอกว่าเป็นที่สมอง เป็นที่สมองไม่ใช่ของเรา เป็นที่สมองของหมอ เขาก็ว่า เขาว่าพิการ อันที่จริงพิการที่สมองของหมอ เสร็จแล้วไปเข้าเครื่อง เครื่อง ในเครื่อง ทำโป๊ง ๆๆๆๆ ไม่เป็นไร ไม่มีพิการ ก็เลยออกจากโรงพยาบาล ออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าอยู่ ในโรงพยาบาลก็พิการจริง ๆ เพราะว่าอยู่โรงพยาบาลนี่แย่ เกือบจะเปลี่ยนโรงพยาบาล ไปอยู่โรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งนี้ ไปอยู่ฝั่งโน้น จะเป็นบ้า แล้วก็เลยนึกไป ไปดูว่าทำไมเป็นบ้า เป็นบ้าเพราะน้ำมันจะท่วม
 
น้ำจะท่วม น้ำมันก็เลยขึ้นไปขึ้นมา แล้วมาบอกว่าน้ำจะท่วม แต่น้ำไม่ท่วมเพราะมีโครงการ มีโครงการที่พระประแดง แต่ถ้าพูดไปพูดมาเขาเอาเรือของกองทัพเรือเขาสร้างเรือใหญ่ เขาบอกว่าให้ไปเรือนี้ ก็เอาเรือนั้นมาจอด เรือสวยด้วย ก็เลยร่ำลือกันใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะเสด็จฯ เรายังไม่ไปเพราะว่ามีงาน มีงานตลอดปี ตลอดทั้งเดือน ก็เลยต้องปฏิเสธไม่ใช่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ไม่ไป ไปบอกว่าจะไป จะไปเยี่ยมโครงการที่พระประแดง บอกว่ายังไม่ไปไม่เชื่อ แต่ทำไปทำมาก็เชื่อ เรือไม่เอามาแล้ว ไม่งั้นเอาเรือมาจอด เอาเรือมาจอดให้เราไป เราก็เลยบอกว่าเรือนี้ใช้น้ำมัน เปลืองน้ำมันเหมือนกัน แต่เราจะใช้ไบโอดีเซล ท่านบอกว่าใช้ไม่ได้ ถ้าใช้ไม่ได้เราไม่ไป แต่เรือ เรือที่เป็นเรือแท็กซี่เขาใช้ไบโอดีเซลได้ เดี๋ยวนี้กำลังพัฒนาไบโอดีเซล เพราะว่าถ้าใช้ดีเซลเปลืองจะหมดโลกแล้ว แต่ไบโอดีเซลแบบฝรั่งอีก 10 เปอร์เซ็นต์ แล้วไม่ยอมเราจะใช้ไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าดีเซลแบบไบโอแบบพืชใช้ 100 เปอร์เซ็นต์
 
อย่างคราวก่อนนี้ไป แล้วก็นายกฯ ใช้ไบโอ 100 เปอร์เซ็นต์ ไบโอใช้น้ำมัน น้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ 10 เปอร์เซ็นต์อย่างที่เขาใช้ ขึ้นภูเขา ขึ้นเขื่อน ขึ้นชัน มันก็ไปได้ดี รถใช้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แบบของเราก็ขึ้นได้ดีแต่ก็อาจจะมีน้อยหน่อย ราคาถูก กว่าถูกกว่าดีเซลเดี๋ยวนี้ ก็ใช้ดีเซลแบบแก๊สโซฮอล์มาตอนนี้จะใช้ดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ ยังใช้ได้ไม่ต้องใช้ดีเซลสั่งนำมาจากเมืองแขก คือถ้าเราใช้ดีเซลจากเมืองแขกอีกหน่อยก็หมด อีกหน่อยหมดแล้วก็ เดี๋ยวนี้เขาก็มี เขาก็ไม่ใช้ เก็บเอาไว้สำหรับมาขายเรา เราต้องเสียแพง ๆ 
 
เราจะใช้ไบโอดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม ที่เราปลูกเอง เราปลูกเองอาจจะมีน้อยหน่อย ก็ใช้น้อย อย่าไปฟุ่มเฟือยใช้มากเกินไป น้ำมันใช้น้อย ๆ หน่อย แต่เราจะมี มีใช้ ปลูกต้นปาล์มแล้วมา มาทำเชื้อเพลิง น้ำมันปาล์มมาทอดปลาทอดอะไรต่าง ๆ ได้แล้วก็มาใส่ในรถดีเซล ได้ใช้แล้วก็ใช้ได้ วิ่งช้าหน่อย วิ่งช้าก็ไม่เป็นไร เราอย่าเร่งรีบ ชีวิตอย่าให้เร่งรีบมากเกินไป แต่ราคาก็ถูกแล้วถือหลักว่าใช้ของราคาไม่แพงเกินไป อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับไฮสปีดดีเซลแต่ก็ไปได้ ก็ขอให้คิดว่าทำอะไรต้องประหยัด คนก็ว่าประหยัด ๆ ดีกว่าไม่มีเลย ถ้าไม่มี ถ้าไม่มีดีเซลเราคงต้องไปซื้ออยู่ดี
 
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 09, 2007, 11:11:23 am
เราไปซื้อก็มีสองแห่งที่เขาขายเป็นสำคัญ ของแขกกับของฝรั่ง ของฝรั่งก็คืออเมริกัน ของ อเมริกันเขาไม่ค่อยขาย เขาบอกไม่มีแท้จริงเขามีเยอะ แต่ว่าเขาไม่ขาย เพราะว่าเขาเก็บเอาไว้มาขายให้เราแพง ๆ ที่น้ำมันจะเป็นดีเซลหรือน้ำมันเบนซินทั้งหลาย มันราคาไม่ถึงที่เขาขายอย่างนี้  จนกระทั่งเขาแย่เพราะว่าเขาขายแพงเหลือเกิน เลยขายไม่ได้ ขายไม่ออก บางทีก็ต้องลดราคา ฉะนั้น เราซื้อน้ำมันราคาถูกของเราเอง ถูกกว่าของฝรั่งของแขก แล้วก็อาจจะคุณภาพหรือกำลังน้อยกว่าดีเซลที่ขุดจากดิน แต่ที่จริงที่ขุดจากดินราคาไม่น่าจะแพงอย่างนั้น แต่เราก็โลภอยากได้น้ำมันที่มีกำลัง ก็เลยยอมเสียเงิน เสียเงินซึ่งควรจะเอาไปใช้อย่างอื่น
 
ฉะนั้น ก็การที่เราเสียรู้ทางฝรั่งทางแขกเสียเงินเขาฝรั่งกับแขกเขาได้เงินเยอะ ๆ ก็ไปซื้ออาวุธ เขาสำหรับสู้รบกันเอง อิรักเขาก็มีน้ำมันมากแต่ว่าเขาไม่ขาย ที่เขาไม่ขายก็เพราะว่าเขาขายไม่ได้ ไม่มีโรงที่จะกลั่น ก็ขายให้เราแล้วเราก็กลั่น แล้วเราก็ขายให้แขกแต่เขาซื้อในราคาถูก เขาขายในราคาแพง เอ... มันไม่ค่อยถูกหลักของการค้า การค้าที่รัฐบาลมีผู้เชี่ยวชาญการค้าต้องขายอะไรให้ราคาแพงจะได้มีกำไร แล้วซื้อในราคาถูกแต่เราทำตรงข้าม เราซื้ออะไรราคาถูก ราคาแพง เราขายราคาถูก อย่างนี้เราแย่ เราไม่มีทางที่จะขายอะไรราคาแพงเพราะเขาก็บอกว่าเขาขาดทุน เวลาไปที่ร้านก็บอกผมขาดทุนเป็นเสียง เสียงภาษาแขก เสียงภาษาจีน ภาษาฝรั่ง เขาก็ต้องบอกเขาต้องขาดทุนถ้าเราขายราคาแพง โห....มันแพงเกินไป เราก็เลยซื้อไม่ได้ เขาบอกเขาซื้อไม่ได้ เวลาจะซื้อเขา เขาก็ขายไม่ได้ เขาขาดทุน
 
ที่จริง เราคนไทยนี่เราใจดีเกินไปเราจะยอมขาดทุนเรื่อย ความจริงถ้าเราขายอะไรไม่ให้ขาดทุน ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุนเรารวย เมืองไทยนี่รวยแต่ว่าเราใจดีเกินไป ต่างประเทศเขาบอกเขาขาดทุนเรา แล้วก็ลงท้ายก็เชื่อเขาก็ไม่ดี เราขาดทุนไม่ได้ ไม่รู้ก็รัฐบาลชุดนี้จะซื้ออะไรขายอะไรให้ขาดทุนหรือเปล่า แต่ก็ แต่ก่อนนี้ขาดทุนเสียมาก ฉะนั้นก็เราก็จะต้องพยายามที่จะทำอะไรที่เราไม่ขาดทุนคือทำเอง เราต้องทำเอง แล้วที่รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงนี่หมายความว่าเราไม่ทุกข์ว่าเขาจะว่าว่าเราเอากำไรมากเกินไป เราไม่เอากำไรมาก เราไม่ทำให้ขาดทุน เราไม่ทำให้มีกำไรมากเกินไป ก็เราขาย เราขายกันเองก็กันเองก็ไม่ต้องขายแพง กันเองไม่ต้องซื้อแพงฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียงอันนี้ไม่ได้หมายความว่าขาดทุน ขาดทุนก็ขาดทุนแต่ว่าขาดทุนกำไรของเราเองกันเอง
 
พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงมาหลายปีแล้ว ก็ไม่ค่อยชอบ ไม่ค่อยพอใจเพิ่งมาเข้าใจสักเดือนหนึ่งสองเดือนนี้ ฉะนั้นก็ขอไปศึกษาต่อเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงคืออะไร ไม่ใช่เพียงพอ คือว่าไม่ได้หมายความว่าให้ทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ทำกำไรก็ทำ ถ้าเราทำกำไร ได้ดีมันก็ดี แต่ว่าขอให้พอเพียงคือถ้าเอากำไรหน้าเลือดมากเกินไปมันไม่ใช่พอเพียง นักเศรษฐกิจก็ว่าพระเจ้าอยู่หัวนี่คิดอะไรแปลก ๆ ก็แปลกสิ ขายไม่ให้ได้กำไร ซื้ออะไรไม่ขาดทุนเป็นเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ต้องหน้าเลือดและ ไม่ใช่จะมีกำไรมากเกินไปหรือน้อยเกินไปให้พอ เพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้ากันเอง เป็นเรื่องของการพอเหมาะพอดี เราทำพอเหมาะพอดีก็ ก็ดี
 
พูดไปพูดมาเรื่องเดี๋ยวก็จะโกรธเรา เราสร้างเรือ เราสร้างเรือให้พอเพียงเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง นั่นน่ะไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ยังเล็กเกินไป ก็อาจจะ ควรจะ ใหญ่กว่าหน่อย แต่ถ้า ใหญ่เกินไปไม่พอเพียง ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่พอเพียง เรือที่เขาจะทำ เรือดำน้ำ ดำน้ำลงไป ไปปักเลนเลย พูดอย่างนี้เดี๋ยวเขาโกรธเอา ว่าเรือแล่น ๆ ไป ลึกลงไปดำน้ำไม่พอ ใครมาเครื่องบินเห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงเห็น แล่น ๆ ไป ปักเลน ถ้าอยากไปที่ ๆ ลึกก็ไปไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ กลายเป็นเรือดูแลใกล้นี่ฝั่งดีกว่า แต่ลำที่เราทำ เราสร้าง ใช้ได้ดีแล้ว แต่ที่ควรจะสร้างต่อไป ใหญ่กว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้คงไม่มีเงินแล้ว ต้องใหญ่กว่าหน่อย เพราะว่าถ้าไม่ใหญ่พอ ไม่สามารถที่จะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง       
 
Title: Re: พระราชดำรัส
Post by: thaidub on December 09, 2007, 11:11:40 am
แต่ว่านี่พูดกลายราชการลับในวง จะพูดราชการลับว่า เรือที่พูดควรจะซื้อเรือของรัสเซีย เรือที่เขาสร้างใหม่ ใหญ่กว่าที่เราสร้างไม่มาก นั่นจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าเรือของรัสเซียนี่ ราคาไม่ถึงครึ่งของเยอรมัน ของอเมริกัน อเมริกันเขาโกรธแน่ที่เราไปซื้อของรัสเซีย
 
ลองไปดู ลองไปดูเรือของรัสเซีย แต่เขาอาจจะไม่ขายก็ได้ แต่ถ้าลองทำไปทำมาเขาอาจจะขายราคาแพง แต่ความจริง เขาควรจะขายให้เรา ขายเรา ไปขอเขาดู ของรัสเซียดีจริง ๆ  แต่รู้ไม่ได้เดี๋ยวเขาขายเราลำโปเก ๆ ก็ได้ นี่พูดความลับราชการ ในเมืองไทยนี่ความลับราชการเผยเรื่อย เผยความลับราชการ ก็ไม่รู้ล่ะ นะทองแดง ถ้าเผยความลับราชการก็อาจจะดีก็ได้ เพราะว่าความลับราชการก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ยังไงก็จะ  ทำอะไรก็มาเผยซะหมดก็ได้ เพราะกองทัพ   กองทัพเรือเขาก็มีเรือดำน้ำ กองทัพอากาศก็มีเรืออะไรนี่
 
สมัยใหม่นี่ก็ แต่เดี๋ยวนี้เขาก็เกิดจะมาซื้อลำนิดเดียว แต่ราคาแพงเหมือนกับลำใหญ่  แต่ตอนนั้นจะซื้อลำใหญ่ราคานิดเดียวเหมือนลำเล็ก แต่ว่าก่อนนี้จะซื้อเครื่องบินลำใหญ่เหมือนในราคาของลำเล็ก ก็ชอบกลอยู่นะ ก็รัสเซียเหมือนกันล่ะ ทำไปทำมาไปจะซื้อเรือรัสเซีย เรือบินรัสเซีย เราไม่เห็นด้วย แต่ถ้าจะซื้อเรือน้ำรัสเซียก็น่าใช้ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศก็ได้ชวนกันซื้อเครื่องบิน อย่าซื้อเครื่องบินรัสเซีย ซื้อเรือรัสเซีย ไม่งั้นจะชนกัน เรือของรัสเซีย เรือน้ำของรัสเซีย เข้าใจว่าดี เรือบินของรัสเซียเข้าใจว่าใช้ไม่ได้ ลองไปดูเถอะ
 
นี่นาน ๆ ทีได้พบกัน ก็ต้องปรารภว่าอะไรควรจะทำ ไม่ควรจะทำ เรือ เรือบิน ก็ดูตกลงกันแล้ว แต่ถึงเวลาได้ เรือบินมาก็อาจจะล้าสมัยแล้ว 2 ปีกว่าจะได้ 2 ปีคงล้าสมัยแล้ว เรือบินมาจากรัสเซีย เรือบินของสวีเดนนั้น ก็ดูดีเพราะลำมันไม่ใหญ่ กองทัพบกก็จะไปซื้อก็ล้าสมัยเหมือนกันก็ไม่รู้ว่าคนไทยนี่ชอบซื้ออะไรล้าสมัย แต่เอามาเล่นก็ดีเหมือนกัน รถถังก็ล้าสมัย แต่เมืองไทยนี่ใช้รถถังทันสมัย มันใช้ไม่ได้ มันจมเลน จมเลนแล้วก็ ถ้าจมเลนปั๊บมันก็หมดสมัย มันลำบากที่จะซื้อ เดี๋ยวนี้จะซื้อรัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว อีกหน่อยก็หมดสมัย เหลืออีกไม่กี่เดือนก็หมดสมัย เอาไว้ให้รัฐบาลใหม่เขาก็ซื้อ เขาซื้อรถถัง รถอะไรนั่น แต่อย่างนี้มาแนะนำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กลางที่ประชุมนี้ ที่ประชุมนี้ก็ใหญ่กว่า สมรรถสภา คนมากกว่าคนก็ต้องสองหมื่นคน ลงท้ายเขาฟัง เขางงว่าไม่รู้ว่า ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอะไร
 
แต่อย่างไรก็ตามที่พูดอย่างนี้ให้เห็นว่าเราต้องคิดดี ๆ ว่าจะซื้อ จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างไร รู้สึกท่านก็งง ๆ ว่าไม่ได้พูดถึง ไม่ได้พูดถึงพลเรือน ว่าจะซื้ออะไร มีแต่จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ต้องซื้อ ต้องมีเพราะว่าเดี๋ยวนี้น้ำท่วมก็ใช้กองทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ไป ไปช่วยชาวบ้าน ถ้าพวกพลเรือนไม่มี ไม่มีอาวุธที่จะไปช่วยพวกที่เดือดร้อน พวกที่ต้องการใช้ เรียกว่าอาวุธ สำหรับช่วยประชาชน
 
อย่างไรก็ พลเรือนก็ต้องมีอาวุธ แต่ก่อนนี้พูดถึงตำรวจเป็นกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นแล้ว แต่ว่าต้องใช้อาวุธสำหรับช่วยชาวบ้าน อย่าให้เขา คงต้องเลิกพูด เพราะว่าถ้าพูดมากเดี๋ยวท่านก็งงว่าจะมาใช้เงินเยอะแยะ ไหน ๆ เรารวยแล้ว เดี๋ยวนี้เรารวย เงินบาทมีราคาสูง สูงเกินไปก็ใช้ซิ เงินบาทสูงเกินไปก็ใช้ ใช้ในที่ที่ควร แต่ไม่ทราบ
 
เราเดี๋ยวนี้ไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นเหมือนที่หมอเขาว่ามาว่า สมองเราฝ่อ แต่เรารู้สึกสมอง เราไม่ฝ่อ แต่เขาว่าเราฝ่อ ฟังว่ารัฐบาลหรือเมืองไทย ประชาชน มีเงินเยอะ มีเงินเกิน ก็ใช้ซิ เขาหาว่าเราเศรษฐกิจพอเพียง คำว่าพอเพียงถ้ามีเงิน ก็ต้องใช้ ไม่ใช่ขี้เหนียว ถ้ามีเงินไม่ต้องขี้เหนียว ซื้อไปเถอะ อะไรก็ตามเครื่องบิน เรือ รถถัง ซื้อ ถ้าเงินเยอะ ก็ถึงว่า สนับสนุนให้จ่าย เดี๋ยวนี้เขาก็ว่าในหนังสือพิมพ์เห็นว่า เขาสนับสนุนให้จ่าย เพราะถ้ามีก็จ่าย แต่ถ้าไม่มีก็จะระงับหน่อย มัน มัน เป็นอย่างนี้ คนเรามันพูดเกินไปเสมอ อย่าให้เขาตอนนี้
 
ที่ท่านมา มา มาให้พร ให้อวยพรนับ ว่าดีมาก ทำให้มีกำลังใจ แต่ไม่ทราบว่าคิดถูก หรือไม่ถูก เพราะว่าท่านไม่ได้บอกอะไร แต่มีเงินเยอะใช่ไหม นี่สิ ดูท่าทางว่า เพราะว่าเรามีเงินเยอะ ก็ถ้ามีเงินเยอะก็จ่าย ใช้เงินให้ ให้สมกับที่เรามีเงิน ถ้าไม่มีเงินเราจ่ายจะอันตราย แต่ถ้ามีเงินและไม่จ่ายก็อันตรายเหมือนกัน เพราะว่าคนที่มีเงินแล้วไม่จ่าย หมายความว่าจะ จะเก็บไว้ทำอะไร บางคนมีเงินแล้วไม่จ่าย ให้คนอื่นจ่าย บางครั้ง คน คนที่ไม่มีเงินบอกใช้เงินเถอะเพื่อที่จะได้กำไร คนที่มีเงินยิ่งอยากได้กำไร อย่างนี้ไม่ดี ฉะนั้น ก็ต้อง คน คนที่มีเงินก็จ่าย แล้วก็ช่วยคนที่ไม่มีเงิน นี่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ถูกต้อง คนที่มีเงินต้องจ่าย คนที่ไม่มีเงินต้องไม่จ่าย แต่คนเขาคิดตรงข้าม คนที่ไม่มีเงินน่ะต้องจ่าย อย่างสมัยนี้คนที่มีเงินให้ใช้เงิน ใช้เงินมาก ๆ เพราะว่าถ้าคนไม่มีเงินใช้เงินมาก ๆ ก็ต้องไปกู้ คนที่มีเงินมาก ๆ ก็ได้กำไร ไม่พอเพียง
 
ก็ยังไงก็ขอให้ที่ท่านมานี้ได้ผลไปคิด ให้ไปคิดว่าควรจะทำอะไร แล้วท่านก็มีความคิดดีอยู่แล้ว อย่าไปคิดว่ายังมีปมด้อยว่าไม่มี ไม่มีความคิด ซื้อเรือ ซื้อเครื่องบิน ซื้อรถถังก็ไปซื้อเถอะ คือเรือสร้างเอง สร้างให้เขาสร้าง เรืออันไหนที่สร้างไม่ได้ไปสร้างที่อื่น แล้วก็ไปซื้อ ไปสร้างที่   ที่ที่เขาแล่น ๆ ไปมันคลอนหมด ไปซื้อเรือที่ แล่น ๆ น่ะ จะไปสู้กับเขาไม่ได้ เพราะมันคลอนหมด สร้างเองดีกว่า ก่อนอื่น นี่เขางงทำไม ยุให้สร้าง ให้สร้างเรือ สร้างเรือเองให้คุณภาพดีไม่ให้คลอน แต่เครื่องบินนี่ไม่สร้างเอง 
 
ก็ยังไงก็คงพูด พูดมากเกินไปก็ คุณทองแดงก็เมื่อย พวกท่านก็เห็นด้วยนะ อ้อ...ยังไม่ไป ยังไม่ไป ก็ขอบใจที่ท่านมา ขอให้ท่านสามารถที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็งแข็งแรง แล้วก็เพื่อที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็จะเป็นประโยชน์ต่อท่านเอง ก็ขอขอบใจ ยินดีที่มา.