BKCC - Bangkok Classic Car House v.2016
General Category => Bangkok Classiccar Webboard => Classic Motorsports => Topic started by: OouVintage on September 02, 2011, 06:43:04 pm
-
สวัสดีครับ ผมขอใช้กระทู้นี้สอบถามความเห็นพี่ๆน้องๆเพื่อนๆเกี่ยวกับการแข่งขันรถ classic ในปีหน้า 2012 หน่อยครับ
จากการแข่งขันรถ Classic ในรายการ Singha Classic Car 2011 ที่ผ่านมา 5 สนามก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกๆฝ่าย
(แต่โดยส่วนตัวผมอยาหให้มีรถญี่ปุ่นเพิ่มอีกหน่อย มีหลายคนคิดเอาเองว่ารายการนี้จัดเฉพาะรถ Euro แต่จริงๆแล้วไม่เคยมีการกำหนดประเทศผู้ผลิตนะครับ)
เท่าที่สังเกตุพบว่า รถเก่าปีลึกๆ(30ปีขึ้นไป) ไม่สามารถแข่งขันกับรถที่ยังใหมมอยู่ (25 ปีขึ้นไป) เพราะช่วงนั้นคือช่วงรอยต่อของ technology
ที่มีการใช้เครื่องยนต์หัวฉีด EFI กันอย่างแพร่หลายและทำให้บรรดารถคาบิวที่ระบบช่วงล่างและความแข็งแรงของตัวถังอาจจะเสียเปรียบ
เรื่องกติกาความปลอดภัยผมก็เห็นว่าน่าจะรับได้ในระดับนึงแล้ว จึงอยากจะขอปรึกษาเรื่องที่เป็นจุดสนใจมากที่สุดคือเรื่องการแบ่งรุ่น
พวกเรามาแข่งรถ classic เพื่อความสนุกสนานและเรื่องตำแหน่งหรือรางวัลนั้นเป็นเรื่องรอง แต่ถ้าแข่งแล้วไม่สูสีหรือแพ้ตลอดก็ไม่สนุกนะครับ
เพื่อเพิ่มความสนุกในการแข่งขันจึงได้มีการนำเสนอแนวคิดในการแบ่งรุ่นสำหรับการแข่งขันในปี 2012 - 2015 (ยืนกติกา 3 ปี)
*อาจมีการเปลี่ยนแปลงกติกาในเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัย*
Group A: รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 1/1/1982 (เก่ากว่า 30 ปี) มีอัตราแรงม้าต่อน้ำหนัก 150hp/1,000kg
(ยางเปิดแต่ห้าม slick)
- เครื่องต้องเริ่มมีการผลิตก่อนปี 1982 แต่อาจมีข้อยกเว้นตามดุลพินิจของคณะกรรมการ(ที่ยังไม่ได้ตั้ง)
โดยคำนึงถึงจิตวิญญาณของการแข่งขันแบบสุภาพบุรุษเป็นหลัก (Spirit of Gentlemen Racing)
- แรงม้าที่ล้อโดยวัดที่ Test Car ผู้จะสนับสนุนการแข่งโดยการวัดแรงม้าและชั่งน้ำหนักให้ฟรี
- น้ำหนักรถแข่งรวมคนขับหลังแข่งเสร็จ (ตอนไปชั่งก่อนแข่งก็ต้องกะปริมาณน้ำมันที่จะเหลือหลังแข่งกันเองนะครับ)
- ถ้าแรงม้าเกิน 150hp ก็ต้องถ่วงตามอัตราส่วน หรือสามารถลดน้ำหนักได้ตามอัตราส่วนถ้าแรงม้าไม่ถึง 150hp
Group B: รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 1/1/1987 (เก่ากว่า 25 ปี) มีความจุเครื่องยนต์เปรียบเทียบไม่เกิน 2,000cc น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1,000kg
(ยางตามที่รายการอนุญาติ tread wear ไม่เกิน 200)
- กฎเรื่องเครื่องยนต์เหมือนเดิม แต่จะมีการกำหนดรุ่นเครื่องยนต์ที่ใหม่ที่สุดของแต่ล่ะผู้ผลิตโดยการเสนอของนักแข่ง
Group C: รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 1/1/1987 (เก่ากว่า 25 ปี) มีความจุเครื่องยนต์เปรียบเทียบไม่เกิน 3,200cc น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1,000kg
(ยางตามที่รายการอนุญาติ tread wear ไม่เกิน 200)
- กฎเรื่องเครื่องยนต์เหมือนเดิม แต่จะมีการกำหนดรุ่นเครื่องยนต์ที่ใหม่ที่สุดของแต่ล่ะผู้ผลิตโดยการเสนอของนักแข่ง
Group R: รถยนต์ที่มีรูปทรง classic หรือ replica โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัด
(ยางตามที่รายการอนุญาติ tread wear ไม่เกิน 200)
- กฎเรื่องเครื่องยนต์เหมือนเดิม แต่จะมีการกำหนดรุ่นเครื่องยนต์ที่ใหม่ที่สุดของแต่ล่ะผู้ผลิตโดยการเสนอของนักแข่ง
*ถาม: รถแต่ล่ะ Group จะแตกต่างกันมากไม่สามารถแข่งขันกันได้
ตอบ: รถในแต่ล่ะ Group ควรแข่งกันเองใน Group แค่ให้วิ่งด้วยกันเฉยๆ เพราะไม่มีรางวัล overall เป็นไปได้ยากครับที่จะทำให้รถทุกคันสามารถแข่งขันกันได้แบบทัดเทียมกัน
*ถาม: การแบ่งรุ่นแบบนี้โกงกันได้ไหม
ตอบ: คือโกงกันง่ายครับแต่เราจัดแข่งแบบสุภาพบุรุษ/สุภาพสตรี เพื่อให้สุภาพบุรุษ/สุภาพสตรีที่มีน้ำใจนักกีฬามาแข่งขันกันครับ
ถ้าวันนึงมีผู้ที่ไม่คิดแบบนี้มาแข่งเขาก็คงไม่สนุกและ/หรือโดนประชานิยมขับไล่ออกไปเอง
อีกเรื่องคือควรมีแชมป์ประจำปีไหมครับ โดยคิดจากคะแนนสะสมเฉพาะในแต่ แต่ละ Group แล้วหาแชมป์ประจำปีซึ่งมาจากคนที่ชนะเยอะที่สุดใน Group ของตัวเอง
แต่ไม่รวม Group R
โปรดแสดงความคิดเห็นกันด้วยนะครับ มีเวลาถกกันอีก 8 เดือนและจะต้องใช้กฎนี้กันไปอีก 3 ปี
-
ขอบคุณนะ Oou ที่มาปวดหัวเรื่องนี้เพื่อให้เราสนุกกัน
ขอพูดถึง Gruppe A เพราะรถตัวเองน่าจะอยู่กลุ่มนี้
ฟังดูดีนะครับ จำกัด hp weight ก็ทำง่าย ตอนทำรถก็เลือกเอาว่าจะเบาหรือแรง
ตอนนี้รถผมก็ 135 ที่ล้อ ทำเบาต่อเลยดีกว่าไม่ทำเครืองแล้ว แพง :2funny:
-
Question OOU,
For example:my weekend race car
1970, 911= that's 41 years old
Engine 1984 US spec 3164cc.= 204hp
Should I
-be in group A and get weight penalty.
-be in group C and no weight penalty.
Or I can have 2 choices???
-
Question OOU,
For example:my weekend race car
1970, 911= that's 41 years old
Engine 1984 US spec 3164cc.= 204hp
Should I
-be in group A and get weight penalty.
-be in group C and no weight penalty.
Or I can have 2 choices???
กรณีนี้น่าจะเลือกได้ครับว่าอยากแข่งกับ group ไหนสนุกกว่ากัน ส่วนมาผมเห็นพรรคพวกไหนแซวกันหนักก็มันจะไปไขข้อข้องใจกันทางนั้น :grin:
แต่ยังไงก็อยากให้ได้ไปลองทดสอบแรงม้ากันดูว่าตอนนี้ลงที่พื้นไหร่ อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าที่คิดครับ :azn:
เพื่อความสบายใจของทุกคน :cool:
\^^/ * ลืมบอกว่าวิธีอ่านเกณการแบ่งรุ่นนั้นให้ความสำคัญตามอันอัดการแบ่งรุ่นที่เรียงนะครับ คือ
1. อายุรถ (ปีที่ผลิต)
2. ความจุเปรียบเทียบเครื่องยนต์/แรงม้าที่ล้อ
w^w
อยากให้มีรถสวยๆเครื่องเท่ๆมาวิ่งกันเยอะๆครับ เพราะคนไทยซิ่งรถกันมากว่า 30 ปีแล้ว :good:
-
ลืมแนบกติกา Singha Classic Car ของปีนี้มาให้ชมครับ
http://www.gpimotorsport.com/news/RegulationsProRacingSeries2011.pdf (http://www.gpimotorsport.com/news/RegulationsProRacingSeries2011.pdf)
หรือเราจะแบ่งทุกรุ่นแบบ Super GT ไปเลยด้วย Power/Weight ratio :cool:
-
B2 น่าจะยกกฎของเครื่องยนต์ ทั้งหมดมาลงด้วยจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาดีไหม
น่าจะออกมาแนวทางที่ดีแล้ว
เท่ากับว่า กรุ๊ป R ทีสามารถเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่นใหม่ได้รุ่นเดียวใช่ปะ
-
พี่ B1, ใช่ครับ Z เครื่อง BR26 DETT นั้นน่าจะลง Group R ครับ
แต่ถ้าอยากลง Group อื่นเช่น Group A ก็อาจต้องหาเครื่อง L มาลง ส่วนเรื่องน้ำหนักรถก็ประมาณ 1,200 รวมคนขับก็น่าจะทำแรงม้าได้ถึง 180hp ที่ล้อนะครับ
-
กติกาของปีนี้ครับ http://www.gpimotorsport.com/news/RegulationsProRacingSeries2011.pdf (http://www.gpimotorsport.com/news/RegulationsProRacingSeries2011.pdf)
2.4 รถแข่งทางเรียบรุ่น Singha Classic Car
2.4.1 คุณสมบัติรถแข่ง
2.4.1.1 รถยนต์ต้องเป็นรถยนต์ที่มีการผลิตจำหน่ายเป็นรถยนต์ทั่วไป และมีอย่างน้อย 2 ที่นั่ง
2.4.1.2 ต้องเป็นรถยนต์เริ่มการผลิตมาแล้วอย่างน้อย 25 ปี (เริ่มผลิตก่อนวันที่ 1 มกราคม
1986) เพื่อใช้งานทั่วไปปีละไม่ต่ำกว่า 2,500 คัน
2.4.1.3 เป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อนแค่ 2 ล้อ
2.4.1.4 ผู้จัดมีสิทธิพิจารณาให้รถแข่งคันใดเข้าร่วมการแข่งขันก็ได้
2.4.2 ข้อกำหนดทางเทคนิคเฉพาะ
2.4.2.2 การปรับแต่งใด ๆ ที่ไม่ได้ถูกกำหนดโดยกติกาปัจจุบันให้ถือว่าสามารถกระทำได้
2.4.2.3 การเริ่มซ้อมและการแข่งขันของแต่ละ Event รถทุกคันที่ร่วมการแข่งขันต้องอยู่ในสภาพ
และรูปทรงที่พร้อมทำการแข่งขัน ผู้ดำเนินการแข่งขันมีสิทธิ์ห้ามรถที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนี้ร่วมการ
แข่งขัน
2.4.3 น้ำหนัก
น้ำหนักตํ่าสุดคิดเป็นกิโลกรัม โดยชั่งพร้อมกับนักแขง่ และอุปกรณแ์ ข่ง โดยตลอดการแข่งขันและเมื่อ
สิ้นสุดการแข่งขันต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าตารางพิกัดดังนี้
2.4.3.1 Class A: เครื่องยนต์พิกัดไม่เกิน 1,800 c.c. น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 900 kg หรืออัตราส่วน
น้ำหนักต่อความจุเครื่องยนต์ (cc) เท่ากับ 0.5
- เครื่องยนต์ single overhead cam shaft + 5% (เช่น 1,800cc
ต่อน้ำหนัก 945 kg)
- เครื่องยนต์ twin overhead cam shaft + 10% (เช่น 1,800cc
ต่อน้ำหนัก 990 kg)
2.4.3.2 Class B: เครื่องยนต์พิกัดไม่เกิน 2,300 c.c. น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1,000 kg หรืออัตราส่วน
น้ำหนักต่อความจุเครื่องยนต์ (cc) เท่ากับ 0.435
2.4.3.3 Class C: เครื่องยนต์พิกัดไม่เกิน 3,000 c.c. น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1,100 kg หรืออัตราส่วน
น้ำหนักต่อความจุเครื่องยนต์ (cc) เท่ากับ 0.367
2.4.3.4 น้ำหนักขั้นต่ำของรถแต่ล่คันต้องไม่ต่ำกว่าน้ำหนักโดยทั่วไปที่ระบุในเล่มทะเบียน
ของรถรุ่นนั้นๆ
2.4.3.5 Class R: ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัด แต่ไม่มีสิทธิเก็บคะแนนชิงแชมป์ประจำปี
2.4.3.6 อนุญาตให้ถ่วงน้ำหนักเพิ่ม เพื่อให้มีน้ำหนักต่ำสุดตามที่กำหนดได้ แต่วัสดุที่ใช้ถ่วงต้อง
เป็นรูปบล็อก โดยจะต้องยึดติดกับพื้นห้องโดยสารด้วยน็อตอย่างต่ำ M10 จำนวนอย่างน้อย 2 ตัวต่อ
บล็อก
-
2.4.3.7 การปรับเพิ่มน้ำหนักตามคะแนนสะสม (Leaders Ballasts)
นักแข่งที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับที่1 ให้เพิ่มน้ำหนักรถแข่งขั้นต่ำอีก 30 กิโลกรัม
นักแข่งที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับที่ 2 ให้เพิ่มน้ำหนักรถแข่งขั้นต่ำอีก 20 กิโลกรัม
นักแข่งที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับที่ 3 ให้เพิ่มน้ำหนักรถแข่งขั้นต่ำอีก 15 กิโลกรัม
นักแข่งที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับที่ 4 ให้เพิ่มน้ำหนักรถแข่งขั้นต่ำอีก 10 กิโลกรัม
นักแข่งที่มีคะแนนสะสมเป็นอันดับที่ 5 ให้เพิ่มน้ำหนักรถแข่งขั้นต่ำอีก 5 กิโลกรัม
2.4.4 เครื่องยนต์
2.4.4.1 เครื่องยนต์จะต้องมาจากผู้ผลิตเดียวกับตัวรถและเคยมีการผลิตออกจำหน่ายในตัวถังรุ่น
นั้นๆ หรือจากผู้ผลิตอื่นตามที่ตัวถังรถรุ่นนั้นๆเคยใช้และได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตตัวถังในสมัย
ที่รถคันนั้นมีจำหน่าย
2.4.4.1.1 สามารถเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่ไม่ตรงกับตัวรถได้แต่ต้องป็นผู้ผลิตเดียวกันและเริ่มมีการ
ผลิตมาแล้วอย่างน้อย 25 ปี (เริ่มผลิตก่อนวันที่ 1 มกราคม 1986)
2.4.4.1.2 ในการคำนวณหาความจุเปรียบเทียบของเครื่องยนต์ระบบโรตารี่ ให้ใช้ตัวเลขปริมาตร
= 650 ซี.ซี. / โรเตอร์ หลังจากนั้นคูณด้วย 1.8 เพื่อเป็นตัวเลขความจุที่แท้จริงจากเครื่องยนต์ระบบโรตารี่
2.4.4.1.3 สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งระบบอัดอากาศ มีจำนวนวาล์วไม่เกิน 2 วาล์ว ต่อกระบอก
สูบ ให้คูณด้วย 0.833 เพื่อเป็นตัวเลขความจุเปรียบเทียบของเครื่องยนต์
2.4.4.1.4 ในการคำนวณหาความจุเปรียบเทียบของเครื่องยนต์ ที่ติดตั้งระบบอัดอากาศ (เทอร์โบ
หรือซุปเปอร์ชาร์จ) ให้คูณด้วย 1.7 ต่อระบบอัดอากาศ จากปริมาตรความจุเครื่องยนต์
2.4.4.2 ลิ้นปีกผีเสื้ออิสระ
2.4.4.3 ฝาสูบ
2.4.4.3.1 สปริงวาล์วอิสระ
2.4.4.3.2 แคมชาฟท์ อิสระ
2.4.4.3.3 เฟืองแคมชาฟท์อิสระ แต่ระบบขับต้องเป็นระบบเดิม (Standard)
2.4.4.3.4 จุดยึดแคมชาฟท์ต้องเป็นจุดเดิม
2.4.4.3.5 ช่องไอดีและไอเสียในฝาสูบ และช่องของท่อ Manifold สามารถปรับปรุงได้
2.4.4.3.6 บ่าวาล์วที่อยู่ในฝาสูบ อิสระ วาล์วไกด์อิสระ
2.4.4.3.7 ฝาสูบต้องเป็นอะไหล่แท้จากโรงงานผู้ผลิต
2.4.4.4 ระบบจุดระเบิด
ชนิดของหัวเทียน , ตัวตัดรอบ ส่วนประกอบของส่วนจุดระเบิดอิสระ
2.4.4.5 ระบบหล่อเย็น
2.4.4.5.1 หม้อน้ำ อิสระแต่งต้องไม่มีผลต่อตัวถัง ห้ามระบบฉีดของเหลวระบายความ
ร้อน
2.4.4.5.2 ท่อน้ำต่าง ๆ อิสระ
2.4.4.5.3 Oil Cooler อิสระห้ามระบบฉีดของเหลวระบายความร้อน
2.4.4.6 การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอิสระ
2.4.4.7 ตัวกรองอากาศ
2.4.4.7.1 ไส้กรองอากาศอิสระ (มีหรือไม่มีก็ได้)
2.4.4.8 การหล่อลื่น
2.4.4.8.1 ไส้กรองน้ำมันเครื่องอาจเปลี่ยนได้ แต่น้ำมันเครื่องต้องผ่านไส้กรอง
2.4.4.8.2 ไส้กรองต้องกรองเศษวัตถุได้
2.4.4.8.3 ห้ามใช้ Dry Sump
2.4.4.8.4 อนุญาตให้เพิ่มปริมาตรน้ำมันเครื่องในอ่างน้ำมันเครื่องได้
2.4.4.9 ฟลายวีล อิสระ
2.4.4.10 ท่อไอเสียอิสระแต่ปลายท่อต้องออกตั้งแต่หลังเบาะคนขับเป็นต้นไปและเป็นแนว
เดียวกับพื้นทางวิ่งเท่านั้น
2.4.4.11 แท่นเครื่อง
แท่นเครื่องทำได้อิสระ
2.4.4.12 ถังน้ำมัน ต้องใช้ถัง Safety fuel tank หรือถังน้ำมันที่กรรมการอนุญาติ
2.4.5 ระบบขับเคลื่อน
2.4.5.1 เกียร์ (Gear)
2.4.5.1.1 ต้องมีเกียร์เดินหน้าไม่เกิน 5 เกียร์ โดยยึดจากแบบเครื่องยนต์
2.4.5.1.2 อนุญาตให้เปลี่ยนอัตราทดเฟืองเกียร์ได้
2.4.5.1.3 ไม่อนุญาตให้ใช้เกียร์ Sequential
2.4.5.1.4 ตัวยึดห้องเกียร์อิสระ แต่จำนวนต้องไม่มากกว่าเดิมและตำแหน่งห้ามเปลี่ยน
2.4.5.1.5 อนุญาตให้ใส่ Oil Cooler ที่ห้องเกียร์ได้
2.4.5.2 คลัทช์
2.4.5.2.1 Cover คลัทช์อิสระ
2.4.5.2.2 แผ่นคลัทช์อิสระ
2.4.5.3 เฟืองท้ายอิสระ
2.4.5.3.1 ให้ใช้ Limited Slip ได้
2.4.5.3.2 สามารถใส่ Oil Cooler ได้
-
2.4.6. ช่วงล่าง
2.4.6.1 ต้องคงระบบการทำงานเดิมเอาไว้
2.4.6.2 ผู้จัการแข่งขันสามารถพิจารณาอนุญาติให้เปลี่ยนระบบช่วงล่างได้เป็นกรณีๆไป แต่ต้อง
เปลี่ยนโดยใช้ standard part จากผู้ผลิตเดียวกับตัวรถและเริ่มมีการผลิตมาแล้วอย่างน้อย 25 ปี (เริ่มผลิต
ก่อนวันที่ 1 มกราคม 1986)
2.4.6.3 โช้คอิสระ
2.4.6.4 สปริงอิสระ
2.4.6.5 จุดยึดและวัสดุที่ใช้อิสระ
2.4.7. ล้อและยาง
อิสระ
2.4.8. ระบบเบรค
2.1.8.1 ห้ามใช้ระบบเบรค ABS
2.4.9. ระบบไฟฟ้า
2.4.9.1 สายไฟ การเดินสายไฟอิสระ
2.4.9.2 แบตเตอรี่ ยี่ห้อและขนาดอิสระต้องสามารถสตาร์ทเครื่องได้ตลอด แบตเตอรี่ต้องยึดอย่าง
มั่นคง และปิดป้องการรั่วหรือลัดวงจรเป็นอย่างมิดชิด ส่วนที่ติดตั้งอยู่ในห้องคนขับต้องเป็นแบตเตอรี่แห้ง
เท่านั้น
2.4.9.3 อุปกรณ์ส่องสว่างต้องสามารถทำงานได้ตลอดการแข่งขัน
2.4.10. ตัวถัง
2.4.10.1 โครงสร้างตัวถังต้องเป็นตัวถังเดิมที่ออกมาจากโรงงานอนุญาตให้เปลี่ยนวัสดุของฝา
กระโปรงหน้า/หลัง ได้
2.4.10.2 ห้ามเจาะโครงสร้างตัวถังในจุดที่สำคัญเพื่อเป็นการลดน้ำหนัก อันจะทำให้เกิดอันตราย
หากเกิดอุบัติเหตุ
2.4.10.3 กระจกหน้าต้องเป็นกระจก 2 ชั้น (Laminated) หรือกระจก tempered เท่านั้น
2.4.10.4 ภายในตัวถัง อุปกรณ์ภายในรถและวัสดุที่ติดไฟง่ายต้องถอดออกให้หมดยกเว้นคอนโซล
หน้าต้องมี วัสดุของคอนโซล อิสระ
2.4.10.5 ชิ้นส่วน Aerodynamic อิสระตามที่มีจำหน่ายในยุคของตัวรถและคงไว้ซึ้งคุณค่าความ
classic ของตัวรถ
2.4.11. ระบบสื่อสาร
ห้ามใช้ระบบสื่อสารข้อมูลระหว่างรถแข่งและภายนอก (Telemetry) ยกเว้นการสื่อสารด้วยคำพูด
ผ่านวิทยุสื่อสาร, ภาษามือ และข้อความบน Pit Board
2.4.12. ข้อกำหนดเกี่ยวกับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
2.4.12.1 ให้ติดตั้งโครงท่อเหล็กเสริมโครงสร้าง (Roll-cage) ที่สร้างขึ้นจากท่อเหล็กเหนียวที่มี
ขนาดขั้นต่ำ 1.500”-od x 0.083”-wall หรือ 38.0mm-od x 2.0mm-wall (ให้อ้างอิงวิธีการออกแบบและ
การยึดเกาะกับตัวถังตาม NCR Appendix-J Article 253.8)
2.4.12.2 ให้ติดตั้งเก้าอี้เฉพาะสำหรับนักแข่งที่นั่งเดียว (ลักษณะจำเพาะและวิธีติดตั้งเก้าอี้รถแข่ง
ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ NCR Appendix-J Article 253.16)
2.4.12.3 ให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย (Safety-belt) ที่มีจุดยึดไม่ต่ำกว่า 4 จุดสำหรับนักแข่ง (ตาม
แนวทางในข้อกำหนดของ NCR Appendix-J Article 253.6)
2.4.12.4 ให้ติดตั้งถังดับเพลิงในรถแข่งที่บรรจุปริมาณของสารดับเพลิงไม่น้อยกว่า 2.4 ลิตร หรือ
2.0 กิโลกรัมในระยะเอื้อมของผู้ขับ
2.4.12.5 รถแข่งทุกคันต้องมีสวิทช์ตัดไฟบริเวณห้องคนขับ โดยจะต้องติดสัญลักษณ์ ให้เห็นอย่าง
ชัดเจน
2.4.13. เชื้อเพลิง
เชื้อเพลิงที่ใช้ในการแข่งขันอิสระ
2.4.14. อากาศ
อากาศที่ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเป็นอากาศในบรรยากาศ ห้ามใช้ไนตรัส
-
ยางที่ทาง Pro. Racing Series 2011 กำหนด (Tread wear 200 ;># )
เสนอให้ใช้สำหรับ Group B, C, R (บังเอินไปไหมเนี้ย BCR )
รายละเอียดยี่ห้อ และรุ่นของยาง Street Radial
1 Bridgestone RE11 RE 002
2 Yokohama AD 08 S Drive
3 Michelin Pilot Sport 3 -
4 Goodyear RS Sport F 1
5 Dunlop DZ1 Star DZ101
6 Toyo R1R T1R
7 Achilles Achilles 123 -
8 Hankook V12 EVO -
9 Maxxis I PRO MAZ1
10 Nitto NT555R NT555
11 Kumho KU15 ECSTA DX KU31
12 Roadstone N 9000 -
-
ว่าจะมาถามพอดี กำลังทำรถอยู่จะได้มีแนวทาง ที่อู๋เกริ่นมาก็มีแนวทางที่น่าสนใจขึ้นอยู่แล้วครับ :good: ผมอยากทำรถถูกกฎ เลยมีคำถามและข้อเสนอเล็กน้อยครับ ช่วยไขหน่อยครับ :rolleyes:
- ผมคิดว่าปี 82 ยังใหม่ไปนิดครับ ถ้าสักก่อน 31/12/79 ตามยุค 70's ลงไปน่าจะสวยกว่า จะได้ไม่ต้องมาขยับตามอายุปีกันอีกเรื่อยๆ เพราะกำหนดตามยุคมันคงที่ :wink:
- กรุ๊ปอื่น เป็นยุค 80's
- นับทั้งปีของตัวรถ และเครื่องยนต์ เพราะนับแค่จากปีที่เริ่มผลิตตัวถังบางรุ่นลากยาวมากไปจนมีเครื่องใหม่กว่าตัวถังมากครับ
- 2.4.10.1 โครงสร้างตัวถังต้องเป็นตัวถังเดิมที่ออกมาจากโรงงานอนุญาตให้เปลี่ยนวัสดุของฝากระโปรงหน้า/หลัง ได้ ** แล้วบังโคลนล่ะครับ? ชุดแต่งแท้ๆ มันมาทั้งบังโคลนน่ะครับ ไม่ได้เป็นแค่โป่งมาติด **
- 2.4.12.2 ให้ติดตั้งเก้าอี้เฉพาะสำหรับนักแข่งที่นั่งเดียว (ลักษณะจำเพาะและวิธีติดตั้งเก้าอี้รถแข่ง[/size]ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ NCR Appendix-J Article 253.16) ** คือมีเบาะคนนั่งไม่ได้เลย หรือมีติดไว้ได้? ให้มีได้ไหมครับ เพราะอาจใช้วิ่งนอกเหนือจากแข่งบ้าง จะได้ไม่ต้องถอดๆ ใส่ๆ :grin: [/size]**
[/size]- ไม่ต้องกำหนดจำนวนผลิตต่อปีน่าจะดีกว่า แต่ต้องเป็นรถที่ผลิตออกจำหน่ายทั่วไปจริงๆ ก็น่าจะพอ เพราะบางช่วงปีธุรกิจรถซบเซา หรือพวกรถประกอบมือมักทำได้น้อยกว่า 2,500 คันต่อปีครับ
- ถ้ามีรถมาวิ่งกันเยอะๆ ค่อยแบ่งรุ่นย่อยอีกสักหน่อยคงได้เนอะ
ขอบคุณที่เป็นธุระคอยจัดกิจกรรมดีๆ นะครับ :good: :good: :good:
-
ที่กำหนดให้ติดตั้งเบาะของคนขับคนเดียวเท่านั้นก็เพราะว่า เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้น คนที่เข้ามาช่วย สามารถเข้ามาทางประตูอีกข้างได้สะดวก และในกรณีชนด้านข้างคนขับ ประตูเปิดไม่ได้ นักแข่งก็สามารถออกทางประตูอีกด้านได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าอยากติดเบาะสองตัวสามารถทำเบาะด้านคนนั่งให้ถอดง่ายก็ได้ครับ พอขับมาถึงสนามก็ขันน็อตไม่กี่ตัว ที่ผ่านมาก็เห็นทำกันอยู่ เช่น Porsche 911 ของพี่บุรินทร์ และ Benz190E สีน้ำเงิน สองคันนี้ขับมาถึงสนามก็ถอดเบาะออกครับ
-
ได้ึีครับพี่แป๋ม นึกว่าเหมือนแรลรี่ มีเบาะเผื่อเนวิเกเตอร์ได้ แหะ..แหะ.. :grin: ขอบคุณครับ &v&
-
ตอบกลับ #9
.........
2.4.7. ล้อและยาง
อิสระ
.........
ตกลง ยังงัยดี
-
ตอบกลับ #9
.........
2.4.7. ล้อและยาง
อิสระ
.........
ตกลง ยังงัยดี
อันนี้กฎปีนี้เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างครับ
-
:grin: อ้าว..ดูปืผิดเอง
-
Thank you Oou.
and
fully align with the classification. so all can enjoy the same race. all enjoy, fun, and save $$$
cheers. :><:
-
ที่เงียบกันนี้เห็นด้วยหรือหลับครับ :2funny:
อยากถามต่อไปว่า กฎนี้อยากใช้ซัก 3 ปี 2012-2015 เพื่อให้การสร้างรถแต่ล่ะคันคุ้มค่า
พอปี 2016 อยากเสนอให้แบ่งรุ่นเป็น ก่อน 1980 (70's) กับ ก่อน 1990 (80's) ทั้งรถทั้งเครื่อง
คือนอกจากรถต้องตรงรุ่นแล้วเครื่องยังต้องเริ่มมีการผลิตก่อนปี 1980 และ 1990 ด้วย
อันนี้ลองถามเป็นแนวทางนะครับ
-
โทษนะน้องอู๋ คือว่าพี่มีปัญหาเรื่องยาง บังเอิญว่าตอนทำรถ พยายามทำให้ตรงกับ period ซึ่งเป็นล้อ 13 ปัญหาคือตอนนี้มีแต่ยาง Slick ที่พอดีกับ size ของล้อ (8*13,9*13) มีใครพอรู้หรือช่วยแนะนำยางได้ช่วยบอกด้วยนะครับ (ไม่ได้มีเจตนาเอาเปรียบเพื่อนๆ)เข้าใจว่ามีวิธีง่ายคือหาล้อ 15 มาใส่แทนหายางง่ายเลย แต่อุตส่าห์ทำรถมาให้ใกล้เคียง period มากที่สุด 'b' ยังไงฝากด้วยละกันเผื่อมีใครรู้ ยินดีปฏิบัติตามกฎ เพื่อส่วนรวม บนพื้นฐาน "Historic car and Gentle men race" ผลแพ้ชนะเป็นของแถม บรรยากาศกับความสนุกสนานเป็นเรื่องหลักแค่นี้ก็ขอบใจน้องที่เป็นธุระจัด Event ให้ w^w ส่วน กฎอื่นๆว่าไงว่าตามกันครับ
-
ยังไงก็ได้ครับแต่ที่อู๋โพสมาก็ดีนะครับ
-
จากที่อ่านมาแล้ว สำหรับผมก็ โอ เสมอครับ
เพราะในสนามหาคู่เปรียบเทียบได้ยาก ......... 555
หมายถึง ... หาใครมาเปรียบเทียบ CC น้อยๆแบบนี้ไม่ได้อ่ะ .... ฮิๆ
CC น้อยนิด รวม ซุปฯ แล้ว ไม่น่าถึง 80 ม้า ลงดิน (แต่ก่อนทำไว้แค่ 60 ม้า)
นน. รวมคนขับก็ 700 กว่าๆ
และแถมยังใช้ประจำวันทุกวันอยู่แล้ว แข่งทีรื้อที เหนื่อยโคตร เพราะทำงานกลับค่ำๆวันศุกร์ ถึงบ้านนั่งรื้อตอนดึก แต่ก็ทนครับ เพื่อความสนุก
แต่ชอบที่ยาง ห้ามสลิค นี่แหละครับ เพราะของผม ล้อ 10" หาสลิคยากมาก ถึงยากที่สุด และแพงนรกแตก 555 (ตัวผมไม่มีใส่เลยชอบข้อนี้อ่ะ ฮิๆ)
ส่วนเรื่องของปี ผมชอบนะ ถ้าจะได้เห็นปีแยกกันชัดเจนขื้น
โดยเฉพาะ เทคโนโลยี่ ที่ควรจะใกล้เคียงกันมากที่สุด (อันนี้ไม่ใช่เพราะของผมเทคโนโลยี่เก่าโคตรๆนะ แต่เป็นความชอบส่วนตัว)
เพราะเทคโนโลยี่ที่ใกล้เคียงกัน ถึงจะขับกันแบบสนุก
เช่น ปี ต่ำกว่า 75 ลงมานั้น ผมว่าเครื่องยนต์มันจะ ดิบๆ ดีครับ
การโมฯ หรือ ทำเครื่อง ก็ดิบๆ (เครื่องตัวเดียวกัน เปลี่ยนคนไล่นมหนูใหม่ก็วิ่งต่างกันเห็นๆ)
ฝีมือแบบช่างโบราณโมฯเครื่องหน่ะ ถึงจะได้ใจ
ผมชอบเรื่อง ปีรถ กะการเน้น เรื่อง เทคโนโลยี่รถ ที่ใกล้เคียงกันครับ
เรื่อง CC สำหรับผม ไม่มีสิทธิ์ มีเสียง เพราะ รถ CC น้อย และรถ CC น้อย ก็น้อย มากที่ลงสนามอีกตะหาก
-
ตามที่อู๋ว่ามาก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าแบ่งตามยุคตั้งแต่ปีนี้เลยก็น่าจะดีนะครับ จะได้เป็นมาตรฐานไปเลย เผื่ออีกสามปีมีรถมาร่วมเยอะอาจจะแบ่งยุค 60's ลงไป อีกรุ่นก็เป็นได้ :grin:
ป.ล. อีกข้อสังเกตุคือ หากจะแบ่งรถคลาสสิคโดยระบุรุ่นรถไปเลย เพื่อจะได้ความชัดเจนและภาพการแข่งขัน Classic Car Race จริงๆ ก็ยังสามารถทำได้โดยอ้างอิงรถคลาสสิคจากนิตยสาร Classic and Sport cars หรือ Octane และอื่นๆ ที่มีการลง Classic Car Price Guide ไว้ว่ามีรถยี่ห้อใดรุ่นใดบ้างครับ ภาพจะได้ออกมาแตกต่างจาก Japan retro และ Euro Classic ที่ผ่านมาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นครับ