ผมจะลองโต้วาทีกับคุณ xro-tvp06 ตามประเด็นที่ตั้งเป็นกระทู้นะครับ(เอาแบบพยายามคิดเข้าข้างตัวเองที่สุด-สไตล์โต้วาทีครับ
)
1) เรื่องอะไหล่ ที่จริงถ้าเล่นรถคลาสสิคไม่ถึงขั้น meseum state เอาแค่ได้ร่อนฉุยฉายให้คน(สาวๆ)มอง อะไหล่สำหรับซ่อมให้วิ่งได้เนี่ย หาไม่ยากครับ โดยเฉพาะเมืองไทยที่ช่างถนัดการดัดแปลงมาก(ถึงจะเก่งน้อยกว่าช่างคิวบาก็ตาม
)
ดังนั้นการทำรถให้วิ่งเหมือนเดิม หรือวิ่งดีกว่าเดิม ประหยัดกว่าเดิม แต่ดูข้างนอกยังเดิมๆ ไม่เกินมือช่างไทยแน่ครับ แต่ต้องเพิ่มขอบเขตการซ่อมไปหน่อย ว่าไม่จำเป็นต้องใช้ลูกยางรุ่นเดิม ปั๊มคลัทช์เดิม กากบาทเพลาเดิม ฯลฯ โดยเฉพาะรถคลาสสิคยุโรป(ญี่ปุ่นยังพอหาได้ครับ-ช่างเค้าว่างั้น)
ที่จะเป็นปัญหามากหน่อย ก็คืออะไหล่ตัวถัง โดยเฉพาะครอบไฟต่างๆ แต่ถ้ารักจริงก็ยังพอพึ่ง eBay ได้
ดังนั้นคนขับรถคลาสสิคต้อง "มือถึง" ที่จะหลบเลี่ยงทุกอุบัติเหตุ โดยเฉพาะรู้หลบพวกเด็กแว๊ดและขาโจ๋ที่จะมาท้า drag กลางไฟแดงด้วย
นับเป็นสิ่งที่ดี ที่จะเห็นว่า ถ้ามีคนขับรถคลาสิคเยอะๆ อุบัติเหตุร้ายแรงจะลดลงอย่างมาก เพราะแค่อุบัติเหตุขนาดไฟแตก กันชนถลอก เจ้าของก็แทบร้องไห้แล้ว
2) อุปกรณ์แต่ง พูดรวมไปกับอะไหล่แล้วครับ
3) ช่างและศูนย์บริการ
อือม์....
ที่จริงคนขับรถคลาสสิคไม่ค่อยสนใจศูนย์บริการอยู่แล้ว ศูนย์บริการถือเป็นข้อบังคับของรถใหม่(ด้วยเงื่อนไขการประกัน) ชาวรถคลาสสิคลอยตัวจากเงื่อนไขนั้น เรามีอิสระที่จะซ่อมช่วงล่างหรือเช็คระบบไฟที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องแยแสประกัน
นอกจากนั้นชาวรถคลาสสิคยังสะสมความเป็นช่างไปตลอดการใช้งาน(ก้อมันต้องคอย "ปรับจูน" เรื่อยๆ ไงครับ อิอิ
) ดังนั้นหลายๆ เรื่องที่ไม่ต้องใช้ประแจดอกโต ใช้รอก ใช้เครน ชาวรถคลาสสิคมักทำเองได้ และรู้อาการรถที่ใช้อยู่มากกว่าช่างซะอีก บอกจุดซ่อมให้ช่างได้แม่นยำ เราไม่ค่อยถูกหลอกอย่างคนใช้รถใหม่ๆ เพราะรถเราเค้าสอนเรามาดีครับ อิอิ
4) เพิ่มเติมในส่วนค่าใช้จ่ายและค่าอะไหล่ตามระยะทาง ที่จริงแล้วรถคลาสสิคมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า พวกลูกหมาก ตลับลูกปืน ฯลฯ ขิงเรามักมีจุดที่อัดจารบีได้ ซึ่งถ้าดูแลดีๆ อาจใช้งานได้นานกว่าตลับลูกปืนหรือลูกหมากรถใหม่ๆ ที่เป็นระบบปิด ถึงระยะก็ต้องเปลี่ยนเลย เมื่อรถใหม่เหล่านั้นเก่าลงถึงรุ่นอายุเดียวกับรถคลาสสิคตอนนี้ก็จะหาอะไหล่ไหม่ได้แล้ว ซ่อมก็ไม่ได้ เพราะเป็นอะไหล่ต้องเปลี่ยน อายุการใช้งานนับว่าจำกัดกว่ามาก น้ำมันเครื่องที่เราใช้ ก็ไม่ต้องเป็นเกรดสูงมากมาย แค่ธรรมดาๆ ราคาต่อลิตรก็ถูกกว่ามาก รวมไปถึงเบนซินที่มักใช้แค่ 91 ron ก็เพียงพอ ไม่ต้องใช้ 95 เพราะกำลังอัดไม่สูง ถ้าจะแย้งว่าอัตรากินน้ำมันรถเก่ามากกว่าก็คงมีส่วนถูกบ้าง แต่ถ้าดู image ซึ่งเป็น function นึงของการใช้รถ อาจเทียบรถ mercedes คลาสสิคเบนซินคันนึงได้พอๆ กับอัตราซดของ Fortuner 2.7 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ระดับความ "เก๋า" บุคลิกของ "ผู้ดีเก่า" และความ "hi class" นั้น classic mercedes กินขาด Fortuner ที่กินน้ำมันเท่าๆ กันอย่างชัดเจน อาจมีข้อเดียวที่เราอาจเสียเปรียบบ้างตามอายุขัย คือการขับความเร็วสูง หรือซิ่งแบบมุดมหากาฬ ซึ่งชาวรถ classic ไม่นิยมทำอยู่แล้ว(อ้างเหตุผลจากประโยคท้ายในข้อ 2) อีกอย่างนึง....รถคลาสสิคงามๆ เค้าไม่ขับเร็วกันหรอก มันผิดวัตถุประสงค์ของ show car ให้คนที่เห็นเราขับผ่านได้ชื่นชมได้นานๆ ครับ อิอิอิอิ