เซอร์ไพรส์เมนู กับ ร้านอาหาร เมนูตามใจเชฟ
จะเป็นยังไงถ้าเราไปกินอาหารที่ร้านอาหาร โดยที่เราจะไม่ได้รู้ก่อนเลยว่า วันนี้เราจะได้กินอะไร เชฟจะทำอะไรออกมาให้เรากิน หรือคราวนี้เราไปร้านนี้ แล้วจะมีเมนูที่เราเคยชอบแบบเมื่อคราวก่อนให้กินอีกรึเปล่า มันเป็นความรู้สึกที่ต้องลุ้นๆ ว่าฉันกำลังจะได้เจอกับอะไร เป็น "เซอร์ไพรส์ เมนู" ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับการกินอาหารได้อย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งเมนูที่คาดเดาไม่ได้นี้ ถ้าใครที่ชอบไปกินซูชิบาร์ ก็จะต้องรู้จักคำว่า "โอมากาเสะ" ที่เชฟจะทำซูชิ ซาชิมิ ออกมาให้เรื่อยๆ โดยเราไม่รู้ว่าเราจะได้กินอะไรบ้าง ส่วนร้านในแนวที่ไม่ใช่ร้านซูชิ ก็มีแนว home cooking ที่เหมือนนัดไปกินข้าวบ้านเพื่อน เพราะร้านจะรับแขกแค่ไม่กี่โต๊ะ และต้องโทรไปจองก่อนเท่าน้้น แถมไม่มีเมนูให้เลือกอีกด้วย ทุกอย่างที่เราจะได้กินขึ้นอยู่กับไอเดียสดๆ ของเชฟเท่าน้้น หรือร้านสไตล์ฝรั่ง ที่เชฟไปตลาด แล้วได้วัตถุดิบอะไรมา วันนั้นก็จะได้เมนูจากวัตถุดิบเด็ดๆ นั้น ซึ่งแน่นอนมันจะต้องไม่เหมือนกันเลยสักวัน....ถ้าคุณไม่ชอบอะไรที่เดาได้ ล่วงหน้า...ถ้าคุณชอบที่จะได้ลุ้น....ลองไปร้านเหล่านี้ดูสิ !!!
1.ทำเสื้อทำสวน
“ร้านนี้ใครจะไปกิน ต้องโทรไปจองก่อนเท่านั้น จะเดินดุ่มๆ เช้าไปในร้านเลยนั้น...ไม่ได้! ตอนโทรไปจองก็ให้แจ้งเจ้าของร้านไปด้วยว่า กินอะไรได้ กินอะไรไม่ได้บ้าง เช่น ไม่กินเนื้อ ไม่กินหมู แพ้กุ้ง อะไรแบบนี้ แต่….จนกว่าจะได้ไปถึงที่ร้าน และได้ไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารนั่นแหละ ถึงจะได้รู้ว่าตัวเองจะได้กินอะไรเข้าไป เพราะร้านนี้เค้าไม่มีเมนูให้เลือก ไม่มีการบอกว่าจะทำอะไรให้เรากิน เพราะเจ้าของร้านซึ่งรับหน้าที่เป็นเชฟด้วย จะเป็นคนเซ็ตเมนูขึ้นมาให้ ซึ่งก็แล้วจินตนาการของเจ้าของร้านในขณะนั้น และอาหารจะเป็นสไตล์ home cooking ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีและรสชาติไม่ซ้ำใคร เช่น บางครั้งก็มีสลัดผักผลไม้ใส่ดอกไม้สด ที่หากินไม่ได้ตามร้านทั่วไปแน่นอน...ใครที่ชอบความตื่นเต้นจากการคาดเดาอะไรไม่ได้ ต้องลองมาร้าน "ทำเสื้อทำสวน"”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/63271Fl2.Sousaku โซซากุ
“ร้านซูชิร้านเล็กๆ ร้านนี้ ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีโอมากาเสะ ซึ่งก็คือเมนูที่แล้วแต่เชฟจะจัดมาให้กิน ไปถึงร้านก็จัดแจงนั่งลงตรงซูชิ บาร์ แล้วก็นั่งดูเชฟทำซูชิไปพลางๆ ระหว่างรอ เป็นการลุ้นไปในตัวว่า ที่เห็นเชฟหั่นๆ ปลาอยู่นั่น จะออกมาเป็นซูชิอะไรยังไงกันนะ แล้วพอเชฟปั้นซูชิเสร็จ ทาซอสลงบนผิวหน้าของปลาเสร็จ ก็จะจัดใส่จาน แล้ววางไว้ให้เราหยิบตรงด้านบนของเคาน์เตอร์ซูชิ บาร์ ทำปุ๊บเสิร์ฟปั๊บอย่างนี้ ซูชิแต่ละคำจึงสดสุดๆ ไม่ต่้องตากลมอยู่นาน กว่าจะได้ยกมาเสิร์ฟ แถมแต่ละจานๆ ที่เชฟเอามาวางไว้ให้ เราจะไม่รู้เลยว่า เรากำลังจะได้กินปลาอะไร และจานต่อไปเป็นอะไร...ลุ้นแล้วอร่อยแบบนี้ ช่วยเพิ่มรสชาติให้ซูชิขึ้นอีกเท่าตัว”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/119931CZ3.Quince - Eatery & Bar
“ร้านอาหารสไตล์ โมเดิร์น ออสเตรเลียน ที่มีคอนเซปท์ "Market Kitchen Eatery & Bar " คือ ถ้าเชฟไปจ่ายตลาด แล้วเจออะไรจากตลาด ก็จะซื้อมาทำเป็นเมนูอาหารประจำวันนั้น ด้วยเหตุนี้เมนูของร้าน "Quince Eatery & Bar" จึงไม่ตายตัว จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกวัน เมนูก็พิมพ์กันใหม่ทุกวัน ใครที่ไปเจอของอร่อยในครั้งก่อน กลับไปอีกที ก็อาจจะไม่เจอเมนูนั้นในวันที่ไปอีกก็ได้ หรือเพื่อนที่ไปกินมา แล้วกลับมาบอกว่าเมนูนั้น เมนูนี้อร่อย พอตามไปกิน ก็อาจจะไม่เจอเมนูที่เพื่อนบอกก็ได้ แต่เมนูไหนที่ขายดีๆ เชฟก็อาจจะทำออกมาให้ลูกค้ากินอีกบ่อยๆ เช่น "Ku Beef" เนื้อย่างแบบ rare ที่จะอร่อยขึ้น เมื่อบีบเลมอนลงไปอีกนิดหน่อย”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/23084oY4.จกโต๊ะเดียว
“ร้านอาหารจีนในตำนานที่หลายคนหมายมั่นปั้นมือว่าอยากจะไปให้ได้สักครั้ง และเป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องโทรไปจองก่อนล่วงหน้านานเชียวล่ะ บางคนโชคดีอาจจะรอแค่ไม่กี่อาทิตย์ แต่บางคนไปจองตอนช่วงพีคๆ ก็อาจต้องรอกันนานเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว ส่วนอาหารที่จะได้กิน ต้องบอกว่า ตามใจคนทำเท่านั้น ไม่มีเมนูตายตัว ถ้าเฮียจกเจ้าของร้านได้วัตถุดิบอะไรมา ก็จะมีเมนูอร่อยๆ ออกมาให้กินกัน ซึ่งอาหารประเภทหลักๆ ของ "จกโต๊ะเดียว" คืออาหารทะเล เพราะเฮียจกเจ้าของร้านขายส่งปูทะเล และอาหารทะเลให้กับร้านอาหารต่างๆ วัตถุดิบจึงสดใหม่สุดๆ คุ้มค่ากับการลุ้น และการรอคอย”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/63117uE5. dine in the dark
“มืดๆ ลุ้นๆ แบบดับเบิ้ลลุ้น เพราะเป็นการกินอาหารในความมืดที่คนกินจะไม่รู้มาก่อนว่ากำลังจะได้กินเมนู อะไร แถมในความมืดมิด ต่อให้อาหารยกมาเสิร์ฟตรงหน้าแล้วก็จะยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไร อาหารแต่ละจานก็เลยต้องกินกันไป คาดเดากันไป ต้องใช้ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่ นอกเหนือจากการมองเห็น ทั้งการใช้จมูกดมกลิ่นอาหาร และการใช้ลิ้นพยายามแยกแยะรสชาติของอาหาร รวมทั้งผิวสัมผัสของอาหาร ว่าสิ่งที่กำลังกินอยู่นั้นน่าจะเป็นอะไร ส่วนใครจะใช้มือลองสัมผัสอาหารก็น่าจะพอได้ แต่อาจจะเลอะเทอะเละเทะไปหน่อย เป็นการกินอาหารที่นอกจากจะไม่รู้ว่าเมนูที่กำลังกินอยู่คืออะไรแล้ว ยังต้องใช้จินตนาการ และประสาทการรับรู้สุดๆ และมันจะเซอร์ไพรส์ตอนที่รู้ว่าที่กินเข้าไปคืออะไร และใช่สิ่งที่คิดไว้รึเปล่านี่แหละ!”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/24082Rb6.In the Mood for Love: Sushi Bar & Bistro
“In the Mood of Love ก็เป็นอีกหนึ่งร้าน ที่มีทั้งเมนูแบบ บบ A la carte และ เมนูแบบ โอมากาเสะ ซึ่งเชฟของที่นี่จะใส่ใจถึงขั้นว่า ก่อนจะทำซูชิมาเสิร์ฟเรานั้น จะต้องถามถึงอาหารที่เราแพ้ และระดับความหิวของเรา ณ ขณะนั้นก่อน เพื่อที่เชฟจะได้ทำซูชิออกมาให้เหมาะกับความจุกระเพาะของเรา ด้วยเหตุนีี้ แต่ละคนที่ไปก็จะได้ซูชิที่ไม่เหมือนกันเลย เรียกว่าเชฟจะจัดเมนูํให้ฟิตตามลักษณะของลูกค้าเลย เหมือนเสื้อผ้าสั่งตัดก็ไม่ปาน แล้วเชฟก็จะมีการแนะนำทิปส์ในการกินซูชิแต่ละคำให้ด้วย แต่เพราะเชฟคิดแต่ละเมนูเพื่อลูกค้าเป็นคนๆ ไปเท่านั้น ส่วนที่เป็นโอมากาเสะของร้านจึงรับรองลูกค้าได้แค่ครั้งละ 6- 8 คนเท่านั้น จึงควรจะโทรไปจองก่อนจะเป็นการดีที่สุด จะได้ไม่ผิดหวัง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ขอขอบคุณที่มา : [url]http://www.wongnai.com/listings/surprise-menu]http://www.wongnai.com/restaurants/39YE/url]
ขอขอบคุณที่มา : [url]http://www.wongnai.com/listings/surprise-menu 
