Author Topic: projekt e30 coupe สองน้องช่วยปั้นดินให้เป็นดาว...หรือเปล่า  (Read 675521 times)

0 Members and 8 Guests are viewing this topic.

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
เอาไปลองสวมกะรถหนูทดลองซะหน่อย ไม่รู้รถใครเหมือนกัน :a_laugh: ยื่นออกมาได้ใจ ถ้าใส่โป่งหน่อยจะสวยมาก

โถ่น้า...นึกว่าจะไปทาบบนอีสามสิบให้ดู...แหมมม....ยางหลังดึงได้เรื่องเลยจริงๆ :good:
ก้อมันไม่มีให้ทาบหนิหน่า เห็น jazz รู 4x100 เหมือนกันเลยจับสวมซะเลย น้าเอารถน้ามาทาบมะ
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
คุณอัน เปลี่ยนยางร้านไหนน่ะครับ  :good:
อยากหาร้านที่เปลี่ยนแล้วล้อไม่เป็นรอย
 
จัดไปเพื่อน้องเอ้....

NEOVA AD-08
205/45R16 FR
215/45R16 RR

ดึงกำลังสวยเลย ไปลอง 225/45 แล้วท่าทางจะใหญ่เกินไป ไม่ค่อยสวย

ปล. ซ้าย 205 ขวา 215 นะจร้ะ
UN ครับ AD 08
215/45/16 ราคาเป็นไงบ้างครับ
ล้อผม 8 นิ้ว .ใส่ยาง 205 /50 / 16
ไม่รู้ว่า 215/50/16 จะมีมั๊ยอะครับ

ผมเปลี่ยนที่ CG 0-400 น่ะครับ งานผมว่าที่ไหนมันก็เปลี่ยนล้อได้ถ้าช่างมันใส่ใจในการใส่สักนิด ของงี้ผมว่ามันขึ้นกับตัวบุคคลมากกว่า ตอนผมเอาไปเปลี่ยนผมไปยืมคุมข้างเลย เหล็กงัดยางผมก็ต้องให้เค้าสวมยางไว้ กลัวด้านในเป็นรอย ตอนถ่วงก็กำชับให้เค้าตั้งค่าพวก offset / diamter ล้อให้มันถูกต้อง เพราะถ้าตั้งไม่ถูก มันจะถ่วงไม่ดี เวลาแปะตะกั่ว ผมก็ดูก่อนเลยว่าตะกั่วคุณภาพดีหรือไม่ เวลาแปะก็อย่าเพิ่งกดให้แน่น เพราะบางทีเราอาจจะเลื่อนนิดๆหน่อยๆ ทำให้มันสามารถลดจำนวนตะกั่วถ่วงได้ หรือบางร้านชอบแปะเรียงยาวววววเลย มันไม่ได้คิดว่าเอาซ้อนกันได้หรือไงวะ  ของงี้ต้องลองอ่ะ ฯลฯ อะไรแบบนี้แหละครับ ผมทะเลาะกะช่างมาหลายที่แระ และก้ไม่มีที่ไหนที่ผมถูกใจเป็นพิเศษ พวกนี้เอารถไปตั้งศูนย์ทำไม๊ไม่ชอบตั้งอย่างอื่นให้เลยก็ไม่รู้ มันจะตั้งแต่ toe ท่าเดียว อย่างอื่นมันบอกว่าตั้งไม่ได้ครับเพ่ งงเลย... %:( ต้ิองบอกมัน ก็เลื่อนหัวโช้ค เลื่อน subframe เอาสิวะ :bytherule: มันเลื่อนได้น้อยก็จริง แต่มันก็ช่วยได้เหมือนกัน...เฮ้อออออ ถ้าืทำเองได้คงทำไปแล้ว

ส่วนราคาน่ะเหรอ
205/45R16 @ 6000
215/45R16 @ 6400

ของผมมันป่องกำลังงามเลยนะครับ ผมว่าไซส์กำลังดีเลยล่ะ
เอารูปไปดูได้เรย
« Last Edit: October 01, 2010, 10:17:26 am by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
ลืมเอารูปลง

รูปแรก 215/45
รูปสอง 205/45
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
UN ครับ AD 08
215/45/16 ราคาเป็นไงบ้างครับ
ล้อผม 8 นิ้ว .ใส่ยาง 205 /50 / 16
ไม่รู้ว่า 215/50/16 จะมีมั๊ยอะครับ

ลืมบอกไปว่า ดูจากเส้นรอบวงยางแล้วเนี่ย ใส่ไซส์นี้เข้าไปรถคงวิ่งไม่ค่อยออกแน่นอน เพราะมันหย่ายยกว่าเดิมเยอะเลยล่ะ ถ้าให้เส้นรอบวงไกล้กับของเดิม ต้อง 215/40R16 ครับ

อีกอย่างคือ ที่มันดูไม่ี่ค่อยดึงเนี่ย เพราะว่าตระกูล Neova มันจะเป็นยาง oversize ครับ แก้มมันจะไม่โค้งเหมือนยางธรรมดาๆ แต่มันจะตัดตรงๆเพื่อจะได้หน้าสัมผัสที่มากที่สุด 215 เนี่ย จริงๆจะวัดได้ประมาณ 225 เชียวนะ
« Last Edit: October 01, 2010, 11:25:26 pm by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
มารายงานผลเรื่องลมยางหน่อย
ตอนแรกเตรียมใจไว้เผื่อต้องแกะยางใหม่อีกรอบเพราะลมรั่ว แต่ผลปรากฎว่าเติมลมทิ้งไว้ที่ 3bar ตั้งแต่วันที่ไปเกาะยาง จนป่านนี้มันก็ยังคงที่เหมือนเดิม นับว่าฟลุ๊กและโชคดีที่ลมไม่รั่ว w^w
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline ohg

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Apr 2008
  • Posts: 136
  • Gender: Male
  • Last Login:November 15, 2018, 06:17:19 pm
รถคุณอันยาง std ใช่ 195/65-14 หรือเปล่าครับ
ถ้าใช่ Size ที่เทียบเท่ามันน่าจะ 205/50-16 กับ 225/45-16 หรือเปล่าครับ %:(

ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ :tongue:

ปล.1 ได้ยางราคาดีจังครับ :good:
ปล.2 คุณอันตั้งใจประกอบล้อขนาดนั้น โอกาสรั่วคงน้อยมากครับ :good:
« Last Edit: October 02, 2010, 12:30:27 am by ohg »

Offline top30

  • 28/30/34
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: May 2007
  • Posts: 1,299
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:January 02, 2020, 11:45:10 pm
เอาไปลองสวมกะรถหนูทดลองซะหน่อย ไม่รู้รถใครเหมือนกัน :a_laugh: ยื่นออกมาได้ใจ ถ้าใส่โป่งหน่อยจะสวยมาก

โถ่น้า...นึกว่าจะไปทาบบนอีสามสิบให้ดู...แหมมม....ยางหลังดึงได้เรื่องเลยจริงๆ :good:
ก้อมันไม่มีให้ทาบหนิหน่า เห็น jazz รู 4x100 เหมือนกันเลยจับสวมซะเลย น้าเอารถน้ามาทาบมะ

น่าลองๆๆๆ.....อยากรู้เหมือนกันนะนี่ :rolleyes:
« Last Edit: October 02, 2010, 12:48:41 am by top30 »
Happiness only real when shared

Offline ae

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Sep 2005
  • Posts: 3,467
  • Gender: Male
  • Last Login:May 11, 2018, 10:00:21 pm
ลองเลยๆ เอาหลังวันอาทิตย์นะจะได้ว่างไปด้วยได้  \^^/


It's fun... when it runs! Trust me.

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
รถคุณอันยาง std ใช่ 195/65-14 หรือเปล่าครับ
ถ้าใช่ Size ที่เทียบเท่ามันน่าจะ 205/50-16 กับ 225/45-16 หรือเปล่าครับ %:(

ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ :tongue:

ปล.1 ได้ยางราคาดีจังครับ :good:
ปล.2 คุณอันตั้งใจประกอบล้อขนาดนั้น โอกาสรั่วคงน้อยมากครับ :good:

ไซส์ยางผมคำนวนเอาจาก 185/65R14 ครับ แหะแหะ :tongue: ความผิดผมเองงงง แต่เมื่อกี้ผมลองเอามาคำนวนใหม่ โดยขนาดทั้งหมดอ้างอิงจากเวบของ yokohama เองเลย ได้ดังนี้ครับ


185/65R14            R = 596mm    Circumference = 3745mm    Width = 188mm
195/65R14            R = 609mm    Circumference = 3826mm    Width = 193mm
205/50R16            R = 611mm    Circumference = 3839mm    Width = 214mm
205/45R16            R = 590mm   Circumference = 3706mm    Width = 207mm
215/45R16            R = 600mm   Circumference = 3770mm    Width = 213mm
225/50R16            R = 632mm    Circumference = 3971mm   Width = 233mm

ที่เน้นสีแดงคือยางเดิมติดรถ ส่วนยางที่ผมซื้อคือสีเขียว การคำนวนนั้นเน้นแต่ล้อหลังเพราะเป็นล้อขับเคลื่อน ล้อหน้าไม่ต้องไปสนใจเท่าไหร่
จากที่ดีดตัวเลขออกมาได้ เมื่อเทียบกับยางขนาดเดิม ดังนี้
ล้อหน้าเล็กลง 3.13% (195/65R14)    เล็กลง 1.04% (เมื่อเทียบกับ 185/65R14)
ล้อหลังเล็กลง 1.46% (195/65R14)    ใหญ่ขึ้น 0.66% (เมื่อเทียบกับ 185/65R14)

แต่ถ้าเอาเป็นขนาด 225/50R16 นี่จะเกินไปเยอะเหมือนกันครับ ดีดมาได้ตัวเลขมากกว่าเดิม 3.78% สำหรับตัวเลข 3% นี่อาจจะดูไม่เยอะ แต่เอาไปใช้จริงนี่เห็นผลแน่นอน ยิ่งเจอกะเครื่องไม่แรงแล้วรู้สึกชัวร์ๆ ตอนเปลี่ยนผมเลยตัดสินใจว่าอย่างน้อยเส้นรอบวงต้องน้อยกว่าเดิม เพื่อจะได้คงอัตราเร่งไว้ได้ อีกอย่างคือ เอาไปทาบกับ 225/50 แล้วแก้มมันไม่สวย ล้อแบบนี้ต้องใส่ดึงหน่อยๆจะดูดีกว่าครับ

ข้อสังเกตที่ผมได้เห็นมานานแล้วสำหรับตระกูล Neova คือยาง series 50 จะกว้างกว่าปกติอยู่พอสมควร เพราะว่ายาง series นี้ส่วนใหญ่ใช้ในการแข่งขันกันมาก เค้าเลยทำให้ใหญ่พิเศษ เป็นการลบเลี่ยงกฎนิดหน่อย

ที่ผ่านที่บอกว่าขนาด 215 จะไกล้เคียง 225 เป็นความผิดพลาดผมเองครับ อันนี้เป็นเฉพาะบางไซส์เท่านั้น
« Last Edit: October 02, 2010, 05:23:07 pm by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
วันว่างเลยเอายางมาติดเทปที่ตะกั่วซะหน่อย วิ่งๆไปจะได้ไม่หลุดต้องลำบากมาถ่วงใหม่อีก

นับว่ายังโชคดีที่ล้อสามวงไม่ต้องใช้ตะกั่วเกิน 60g มีหลุดมาวงเดียวที่ซัดไปเกือบ 110g ยังงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันต่างกันได้เยอะขนาดนี้
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline yimwharn

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Mar 2008
  • Posts: 164
  • Gender: Male
  • Last Login:March 31, 2018, 10:13:46 pm
คุณอันครับ ดูจากรูปถ้าเป็น aluminium tape หรือ foil เจอน้ำจะหลุดง่ายครับ
สู้ tape ที่ทำจากผ้าไม่ได้ tape ที่ทำ " สันปก "  รายงานนะครับ แจ่ม

ถ้าไม่ใช่ก็ขออำไพ

Offline akekasak

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Nov 2007
  • Posts: 1,580
  • Gender: Male
  • Last Login:April 08, 2016, 04:18:21 pm
ซื้อยางมาใส่ล้อซะเเล้ว กว่ารถจะเสร็จก้อปลายปีหน้าไม่ก้อต้นปี55 ล่ะม้าง
ยางเก่าโม้ด :grin: 
ปล ขอเช่าล้อมาใส่ก่อนระหว่างรอรถเสร็จได้ไหมจ็ะวางไว้เฉยเสียของนา จะขับไปเบียดฟุตปาดเล่น :><:
« Last Edit: October 02, 2010, 08:59:14 pm by akekasak »

Offline ohg

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Apr 2008
  • Posts: 136
  • Gender: Male
  • Last Login:November 15, 2018, 06:17:19 pm
ไซส์ยางผมคำนวนเอาจาก 185/65R14 ครับ
รับทราบครับ :-!

ผมใส่ 225/45-16 มันก็หนาตึ๊บๆจริงแหละครับ แต่ไมล์ขึ้นตรงกับที่ใช้ GPS จับเป๊ะๆเลย แจ้งไว้เป็นข้อมูล
แต่ยางไซท์แบบนี้ ราคาโหดร้ายจริงๆ  :buck2:

Offline top30

  • 28/30/34
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: May 2007
  • Posts: 1,299
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:January 02, 2020, 11:45:10 pm
วันว่างเลยเอายางมาติดเทปที่ตะกั่วซะหน่อย วิ่งๆไปจะได้ไม่หลุดต้องลำบากมาถ่วงใหม่อีก

นับว่ายังโชคดีที่ล้อสามวงไม่ต้องใช้ตะกั่วเกิน 60g มีหลุดมาวงเดียวที่ซัดไปเกือบ 110g ยังงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันต่างกันได้เยอะขนาดนี้

เทปติดตะกั่วทำล้อหมองไปเลย :grin: :grin: :grin:
Happiness only real when shared

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
เอาล่ะ ว่างๆอาทิตย์ผมก็ได้ไปนั่งขีดๆเขียนๆ โครงการเพิ่มพลังด้วยหอยเล่นๆ ตอนนี้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเดินสายคบหอยเป็นที่แน่นอนแล้ว เหตผลก็คือ
1. ติดใจเรื่องความแรง มานั่งคิดหลายครั้งแล้วว่าถ้ารถไม่แรงแล้วเราจะชอบขับมันหรือเปล่า ได้คำตอบที่แน่ๆ คือ ไม่ชัวร์ อยากได้แรงพอกับรถที่ใช้อยู่ทุกวันนี้คือ BMW 330i ซึ่งเมื่อคิดแล้วต้องมี hp/weight ratio ประมาณ 6.9hp/kg
2. อยากได้เครื่องที่เบากว่า M20 แต่สามารถเอาไปขับในสนามบ้างในบางโอกาส
3. ไม่อยากเสีย handling ของเครื่อง 4 สูบ คือเครื่อง M42 หน้าเครื่องไม่เกิน centerline ของล้อหน้าเยอะมากนัก

ที่นี้ผมก็ได้คิดข้อดีและข้อเสียของการใส่เทอร์ไบ เพื่อจะได้ชั่งน้ำหนักออกมาว่าสมควรที่จะเริ่มหรือไม่ เรามาเริ่มที่ข้อเสียมันก่อนดีกว่า

ข้อเสีย
1. ยุ่งยากกว่าการเอาเครื่อง M20 หย่อนลงไป
2. การเดินท่อไอเสีย ระบบน้ำมัน ระบบจุดระเบิด ยุ่งยากกว่า
3. โอกาสเกิดเครื่องพังสูง ถ้าคำนวนผิด หรือไม่ระวังระหว่างการจูน
4. อาจจะต้องใช้น้ำมัน 95 เท่านั้น
5. กินน้ำมันมากกว่าหรือพอๆกะเครื่อง M20
6. ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าเครื่อง NA
7. ต้องมีเกี่ยวข้องกับการเดินสายไฟระบบ ECU ใหม่ เพราะผมคงไม่ได้ใช้กล่องเดิมแน่นอน
8. มีโอกาสเกิดการ turbo lag ซึ่งจะทำให้ขับขี่ไม่สนุก
9. ...........ถ้าใครคิดอะไรเพิ่มเติมได้ บอกเลยนะครับ ผมอาจจะผิดพลาดได้

ข้อดี
1. น้ำหนักเครื่องไม่เพิ่มมาก อาจจะประมาณ 25-30 กิโล
2. มีโอกาสแรงได้มากกว่าเครื่อง NA เยอะ ถ้าทำอย่างถูกวิธี
3. ไม่เสีย balance ของรถมากนัก
4. โอกาสที่จะเกิด turbo lag นั้นน้อย เมื่อมีการคำนวนมาอย่างถูกต้อง
5. ข้อนี้เข้าข้างตัวเองสุดๆ......เพราะผมชอบเครื่องแรง เบา หมุนรอบจัดๆ  \^^/
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

คราวนี้เรามาถึง design criteria แล้วว่าอยากให้ระบบเราออกมาแบบไหน ใช้อะไร บูสท์เท่าไหร่ ระบบคุมน้ำมัน ระบบจุดระเบิด ฯลฯ
สิ่งที่ต้องการจากเครื่องตัวนี้ ใน step 1 คือ

1. ต้องไม่ใช้งบประมาณมากเกินไป ตั้งไว้ไม่เกิน 100k สำหรับทุกอย่าง เน้นเป็นเครื่อง NA set turbo มากกว่า พยายามใช้ใส้ในเดิมให้มากที่สุด
2. ต้องสามารถใช้งานทั่วไปได้ ไม่ใช่ใช้ได้แต่รอบสูงๆ รอบต่ำๆไม่มีกำลัง
3. ลักษณะเครื่อง NA เดิมต้องยังคงอยู่ ไม่อยากรอรอบมากนัก
4. อยากได้แรงม้า แต่เน้นแรงบิดมากกว่า อยากได้ประมาณ 220-250hp / 23-30kg-m torque
5. อยากทำเป็น e85 ด้วย
6. หมุนไม่เกิน 7000rpm

ทีนี้เรามาพิจารณารายละเอียดย่อยๆกันต่อดีกว่า ว่าจะทำยังไงให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

เริ่มจากงบประมาณ อันนี้ 100k อาจจะปริ่มๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจออุปสรรคขนาดไหน
เทอร์ไบ...อันเนื่องจากผมวางไว้ว่าจะให้เครื่องนี้ คงลักษณะของเครื่อง NA ให้ได้มากที่สุด เครื่องและแคม NA มันจะมีปริมาณไอเสียที่รอบต่ำถึงกลางมากกว่าเครื่องเทอร์โบ จึงทำให้เทอร์โบมารับช่วงหลังจากแรงบิดสูงสุดเริ่มตกไปนั่นเอง ตั้งใจไว้ว่าแบบนี้น่าจะคงลักษณะเครื่อง NA ไว้ได้มากที่สุด ช่วง idle ถึง 4500rpm ให้ทำงานเป็น NA แล้วหลังจากนั้นเป็น FI ฉะนั้นเทอร์โบจะใหญ่กว่าที่ควรเป็นเล็กน้อย ที่ตั้งใจอย่างนี้เพราะไม่อยากใช้เทอร์โบเล็กไป ถ้าเล็กเทอร์โบไม่รอรอบก็จริง แต่พอรอบสูงๆไปแล้ว อาจจะมีปัญหาว่าเทอร์โบอั้นและเกิดความร้อนสะสมสูง แต่ถ้าใช้เทอร์โบใหญ่เกินไป รอบต่ำๆก็จะไม่มีแรง ทำให้ขับไม่สนุก

เครื่องตัวนี้เน้นใช้งานประมาณ 70% และเอาไว้วิ่งเล่นในสนามหรือที่เรียกว่า fast road ซะ 30% จึงเน้นเรื่องใช้งานมากกว่าอย่าง ต้องแรงพอประมาณเพื่อให้คงลักษณะเครื่องบ้านไว้ เน้นการบำรุงรักษาต่ำ ใช้งานสะดวก อะไหล่ที่ใช้เหมือนกับเครื่องเดิม จึงเป็นที่มาของว่าจะพยายามใช้อุปกรณ์เครื่องเดิมๆให้มากที่สุด ที่ยังคงเลือก M42 ก็เพราะเหตผลที่ว่ามันเป็นเครื่อง basic ที่ดีสำหรับ FI ข้อดีของเครื่องนี้ที่เห็นง่ายๆเลยคือ

ก้าน / ข้อ forged
ใช้โซ่ในการขับแคม
แคมองศาพอประมาณ overlap น้อย จึงเหมาะกะเทอร์โบอย่างมาก
in: 252 lift 10.2mm
ex: 252 lift 10.2mm
วาล์วไอเสีย sodium filled ถ่ายเทความร้อนสะดวกดี
วาล์วไอดี / ไอเสีย ขนาดพอเหมาะ ก้านวาล์วไม่ใหญ่โต ไม่ขวางการไหลของอากาศมากนัก
in: 33mm stem dia 6.975mm seat dia 31.6mm มากกว่า 0.9เท่าของ ตัววาล์วเอง
ex: 30.5mm stem dia 6.975mm  seat dia 29.1 ซึ่งก็ยังมากกว่า 0.9เท่าของตัววาล์วเช่นเดียวกัน
อะไหล่เพียบ และสามารถเทียบใช้อะไหล่จากเครื่องรุ่นพี่ได้หลายตัว
ในอนาคตยังสามารถเพิ่มเป็น 2.2 ได้จากการเอาข้อ M47 กับลูก oversize มาใช้

ทีนี้กลับมาดูเรื่อง e85 จากที่ตั้งใจไว้ คือจะใช้หัวฉีดสองชุดเพื่อรองรับการใช้ e85 มาดูกันว่าทำไมต้องใช้หัวฉีกมากมายขนาดนี้
อย่างแรกเลย ไม่อยากใช้หัวฉีดใหญ่ตัวเดียว เพราะหัวฉีดใหญ่มันไม่สามารถคุมปริมาณน้ำมันได้ถ้าเปิดน้อยๆ อันเนื่องมากจากรูมันใหญ่เกินไป
ก็เลยเป็นที่มาของการใช้หัวฉีดเป็น 2-stage แบบนี้แหละ กะว่าจะให้หัวฉีดเดิมๆเนี่ยแหละ ทำงานไปจนถึง duty cycle ประมาณ 60% แล้วหลังจากนั้นใช้หัวฉีดใหญ่เสริมเข้ามา เพราะถึงตอนนั้นคงใช้รอบสูงไปแล้ว ไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องการคุมน้ำมันให้ละเอียดมากนัก

e85 มีค่าพลังงานประมาณ 9800btu/lbs น้ำมันที่เราใช้อยู่มีประมาณ 19000btu/lbs เพราะฉะนั้นเราจึงต้องฉีด e85 เป็นปริมาณมากกว่าน้ำมันเบนซินมาก คือประมาณ 2 เท่าของเบนซิน เบนซินมีค่า power AFR ที่ประมาณ 12.5:1 ส่วน e85 ต้องใช้ถึงประมาณ 5:1 มันจึงเป็นที่มาว่าทำไม e85 ถ้าจูนให้ถูกต้องจึงแรงกว่าใช้เบนซิน เพราะเราต้องเผาใหม้มันมากกว่าเบนซินนั่นเอง

ข้อดีของ e85 คือมันเป็นเชื้อเพลิงที่มีค่า octane สูงและเมื่อเราฉีดมันด้วยปรืมาณมากๆ จึงลดความร้อนในห้องเผาไหม้ได้ดีอีกอย่าง สามารถลดการ detonation ได้ดีทีเดียว

แต่เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียคือ
1. e85 มันกัดกร่อนยางในระบบเชื้อเพลิงอย่างมาก
2. ดูดความชื้นเยอะมาก อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ระบบที่ยังใช้เหล็กเกิดสนิมอุดตันได้
3. เมื่อเราฉีดด้วยปริมาณเยอะๆ ระบบจุดระเบิดต้องดี เพราะว่าบางทีหัวเทียนมันไม่สามารถไปจุดอัตราส่วนผสมหนาๆในห้องเผาใหม้ได้
4. e85 เผาใหม้ช้าหว่าเบนซิน จึงต้องการ advance ไฟมากกว่าเบนซิน ระบบจุดระเบิดเราต้องสามารถรองรับตรงส่วนนี้ได้ด้วย

เหลือประเด็นสุดท้าย คืออยากหมุนประมาณ 7000rpm ซึ่งดูผมว่าท่อนล่างสามารถทนได้อยู่แล้ว จะติดเรื่องฝาบนเนี่ยแหละ แม้จะเป็น hydraulic lifter ก็น่าจะไม่ยาก คิดว่าใช้น้ำมันใสหน่อยน่าจะไปไหว อีกอย่างคือ M42 ลิ้นปีกเป็นแบบสองช่อง อาจจะไม่เหมาะกับระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ  อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบลิ้นที่เป็น non-linear แบบนี้มากๆคือมันไม่สามารถคุมคันเร่งได้ละเอียกพอ ช่วงต้นจะช้า ในขณะที่ช่วงปลายจะเร็ว ก็เลยคิดว่าอาจจะเอาลิ้นของเครื่อง M50 จับยัดลงไปแทน ปัญหาพวกนี้ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ เพราะว่ากะจะไม่ใช้ ecu เดิมคุม
 

'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

ทีนี้สิ่งที่เราต้องคิดเพิ่มก็คือ ขอใช้ภาษปะกิดล่ะกะันนะ ใช้ง่ายกว่าเยอะ

1. turbo ----> journal bearing or ball bearing / size
2. boost management -----> external WG / internal WG / aftermarket boost controller / controlled by ECU
3. exhaust flanges -----> stainless / steel
4. exhaust headers ----> log or tube / primary size
5. exhaust collectors -----> 4-2-1 / 4-1
6. exhaust system -----> size / stainless or mild steel
7. inter-cooler ----> standard / bar & plate / size
8. intake plumbing ----> length / size / stainless or steel 
9. throttle body -----> std / M50 / etc?? size??
10. injector size / fuel enrichment --------->single or dual stage
11. ignition ------> standard or capacitive discharge
12. fuel system -----> fuel pumps / fuel lines / methanol or benzene
13. engine management------> stand alone or piggy-back
14. camshafts
15. powerband

เดี๋ยวจะค่อยๆมาไล่ไปทีล่ะข้อ

 


'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline artid30

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2009
  • Posts: 306
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:November 12, 2016, 11:20:17 pm
UNUN ลองมานั้งคันนี้ดูมั๊ยครับ
 E30  6 เม็ด

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

ก่อนอื่นเราอยากรู้ขนาดของเทอร์โบที่เราจะใช้ สองอย่างที่จำเป็นสำหรับการเลือกขนาดเทอร์โบคือ mass flow rate และ pressure ratio

PR = (14.7 + boost)/14.7

แต่เนื่องจากระบบดูดอากาศต้องผ่านกรองอากาศเอย ข้อต่อทางเดินเอย แอร์ไฟลเอย จึงประมาณเอาว่าสิ่งเหล่านี้ลดไป 1psi ก็แล้วกัน
อยากบูสท์ ไม่เกิน 5psi

ได้ค่า PR = (14.7 + 5)/13.7 = 1.43 หมายความว่าอากาศเข้าเครื่องมากกว่าปกติ 43%

เรามาหาว่าต้องมีกำลังเพิ่มกี่ % เมื่อเทียบกับเครื่องเดิม เป็นหารคิดคร่าวๆ อย่าเพิ่งเน้นละเอียดมากนะครับ

performance gain = (desired HP / original HP) - 1

ถ้าเราต้องการสัก 230 ล่ะกัน จะได้เท่ากับ 330i ที่มีอยู่

performance gain = (230 / 138) - 1 = 0.66 หรือ 66%

ทีนี้ไอ้เจ้าค่า 66% เนี่ยคิดง่ายๆเป็นปริมาณลมที่เราต้องอัดเข้าไปเพิ่มนะครับ เพราะเราเอาม้ามาหารกันแล้ว และมันแปรผันตรงกับปริมาณลมที่เราเพิ่มเข้าไป
จะได้ค่าประมาณว่าเราต้องใช้บูสท์เท่าไหร่

boost = 0.66 x 14.7 = 9.7psi เอาล่ะ มันมากกว่าที่อยากใช้ไปหน่อยแต่มันก็ไกล้เคียงกับที่กะเอาไว้ เอาเข้าจริงๆอาจจะไม่ถึง 230 แรงม้าตามที่ต้องการก็ได้ จริงๆอาจจะเหลือประมาณ 210 อะไรประมาณนั้น

เราก็จับเอามาคำณวนใหม่ โดยใช้เป้าหมายใหม่เป็น 210 แรงม้า ได้ boost ประมาณ 7.6psi เริ่มไกล้เคียงแระ

เอาล่ะ ที่เราก็มาหาค่าปริมาณอากาศที่ต้องเข้าเครื่องกันดู

จากสูตร CFM = (cid x rpm x 0.5 x Ev)/1728 อย่าถามนะว่ามันมายังไง คงร่ายได้อีกยาวมากๆ
cid = 1796cc / 110 ลบ.นิ้ว
Ev = คือประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ประมาณไว้ 90% สำหรับเครื่องกึ่ง turbo อันนี้ล่ะกัน
rpm = 7000
.
เราคำณวนได้ค่า CFM = 200 ลบ.ฟุต/นาที แต่ยังไม่ใช่ค่าที่ถูกต้อง เพราะเรามีระบบอัดอากาศเข้ามาช่วย ต้องเอาค่า PR เข้าไปคูณด้วยถึงจะถูก

    CFM turbo = 1.43 x 200 = 286 ลบ.ฟุต/นาที

เสร็จแล้วเราต้องแปลงเป็น mass air flow ก่อน เอา 0.076 x CFM ได้เท่ากับ 21.73 lbs/min

เราลองมาหาค่า mass flow rate ที่รอบต่างๆที่เรากะว่าอยากให้เทอร์โบเริ่มทำงาน
ในกรณีผม ตั้งไว้ที่ 4000 - 4500rpm

แทนค่าในสูตร อย่าลืมที่จะคูณ PR = 1.44 ไว้ด้วย เพราะกะว่าเทอร์โบต้องเกือบ full boost
ที่ 4000rpm ได้ mass flow = 12.53lbs/min
ที่ 4500rpm ได้ mass flow = 14.10lbs/min

 


'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm
UNUN ลองมานั้งคันนี้ดูมั๊ยครับ
 E30  6 เม็ด

คันนี้มันมีไรเหรอครับ ตอนแรกอยากได้ 6 สูบเหมือนกัน แต่เมื่อจุดประสงค์ต่างกันผมก็เลยหันไปเล่น 4 สูบแทนน่ะครับ
ผมไม่ได้เน้น drag ซะด้วยสิ 4 สูบทำดีๆมันอาจจะเท่าหรือมากกว่า 6 สูบได้เหมือนกันนาาา

ไอ้ที่ผมอยากลองมีหอยเพราะผมคันเป็นการส่วนตัวด้วยล่ะ ยังไม่เห็นใครทำบ้างเลย แบ้วก็อยากรู้ว่าตัวเองสามารถทำแบบที่ตั้งใจไว้ได้หรือเปล่าด้วยครับ
จริงๆผมก็อยากทำ M20 เหมือนกัน แต่ผมมันไม่ชอบทำไรเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไหร่ ก็เลยมาลงเอยที่ M42 turbo อน่างที่เห็น
เป้าหมายจริงๆอยากได้ 300 ม้า แบ่งไว้ย่อยๆเป็น 3 step น่ะครับ ซึ่งเครื่อง M20 turbo มัทำได้อยู่แล้วเพราะความจุมัน แต่เครื่องเล็กๆอย่าง M42 มันท้าทายกว่ามาก ก็เลยอยากลองทดสอบตัวเองด้วยเหมือนกัน

ผมได้เอาไปคิดแล้วล่ะว่า 6 สูบ มันก็ดี แต่ M20 กำลังอัดเครื่องต่ำ เมื่อกำลังอัดต่ำ efficiency มันจึงต่ำไปด้วย
ยิ่งเจอบล๊อคเหล็กเข้าไป ยิ่งหนัก ไม่ใช่แค่หนักอย่างเดียว ไปดูแล้วหลายๆคัน เครื่องมันยื่นเกิน center line ของล้อหน้าไปอีก ซึ่งผมว่ามันทำให้ balance รถเสีย ไม่ใช่ว่า M20 ไม่ดีนะ แต่ลูกก้านข้อ มันไม่ได้รองรับมาสำหรับรอบสูงมากนัก จริงอยู่มันอาจจะหมุนได้ แต่หมุนได้นานเท่าไหร่นั้นอีกเรื่อง
อีกยอ่างคือผมว่าฝา M42 16v ตัวนี้น่าจะเหมาะกะ forced induction มากกว่า อันเนื่องมากจาก overlap มันไม่มากนัก แต่ว่า lift สูงซึ่งคิดว่าน่าจะเหมาะกว่า M20 ที่ตรงกันข้าม...หรือเปล่าหว่า %:( %:(

แต่สงสัยจริงๆ อยากรู้น่ะครับ 
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm
เป็น write-up ของการตระเตรียมความคันที่ดีที่สุดที่เคยอ่านมาในภาษาไทย ได้อรรถรสถึงความหลงไหลในความแรงเคล้ากันกลิ่นอายของการจินตนาการและความเข้าใจในเครื่องยนต์กลไกแบบวิศวกร

รายละเอียดคงจะต้องลองดูของจริงว่ามันจะออกมาอย่างไร แต่สโคปที่ตั้งเอาไว้ดูแล้วพอเป็นไปได้ M20 กับ M42 เป็นเหมือนฟ้ากับดิน (เปรียบเทียบในเชิงความแตกต่าง ไม่ใช่ความต่ำต้อย) M20 เป็นเครื่องที่แรงแบบแรงบิดรอบต่ำ ส่วน M42 จะแรงแบบแรงม้ารอบสูง ซึ่ง power curve ของมันจะแตกต่างกัน เพราะฉนั้นต้องทำความเข้าใจกันให้ดีไม่งั้นเถียงโกรธกันตาย เครื่องยนต์ในโลกนี้เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ หากจะเอาทั้งต้นทั้งปลายก็ต้องเอามาทั้งสองเครื่องวางหน้าเครื่องนึงหลังเครื่องนึงแล้วให้มันสลับกันทำงาน

แต่ถ้าเอามามาเปรียบเทียบกันในแง่ efficiency จริงๆแล้ว M20 ก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นเครื่องที่แรงมากมายอะไรนัก efficiency ของ M20 จะน้อยกว่า M42 อยู่ประมาณ 20% เสียด้วยซ้ำไป แต่ในสมัยก่อนที่บ้านเรามีแค่ M10 ร้อยแรงม้ากระแด่วๆ พอ M20 เข้ามามันจึงเหมือนมีพระมาโปรด แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงเครื่องที่ใช้หลักการบัญญัติไตรยางค์ (ผมชอบเรียกเครื่องยนต์ที่เอาปริมาตรกระบอกสูบมาเร่งแรงม้าว่าแบบนี้)

แต่ M20 ก็ไม่ได้ผิดอะไร มันขับสนุกและผ่อนคลายบนทางหลวงได้ดี อย่างน้อยที่ความเร็วระดับหนึ่งเราสามารถนั่งดูเข็มวัดรอบของมันชี้อยู่ที่ 2000 rpm something ได้อย่างสบายใจในขณะที่ M42 จะกวาดขึ้นไปมากกว่าสองเท่าและหากจะมุดจะแซงอะไรต้องเล็งเตรียมเอาไว้ในดีๆไม่เหมือน M20 ที่ดูเหมือนมีกำลังรออยู่ใต้ฝ่าเท้าพร้อมให้เรียกใช้ตลอดเวลา

ข้างบนที่ว่าคือการเปรียบเทียบบนถนน ส่วนการขับแบบหวือหวาในสนามระบบสี่สูบ 16 วาล์วของ M42 จะรองรับการทำงานอันหนักหน่วงแบบนั้นได้มากกว่าและลักษณะ power curve ของ M42 รวมไปถึงการบาลานซ์ตำแหน่งวางเครื่องยนต์ของมันจะทำให้ควบคุมรถได้ง่ายกว่า จากประสพการณ์ในสนามแข่ง (ที่เป็นวงๆที่เรียกว่า circuit) ม้า 140 ตัวของ M42 พาผมวิ่งครบรอบได้เร็วกว่าม้า 160 ตัวของ M20 อยู่สี่วินาทีบนรถคันเดียวกัน ที่ทางตรงในพีระ ผมนั่งมอง M20 ยกมือย้อมแพ้ที่ 5500 rpm ในขณะที่ยังเหลือระยะทางอีกเป็นร้อยเมตร ส่วน M42 ยังเหลือเกียร์ให้เล่นอีกหนึ่งเกียร์ก่อนยกคันเร่ง

เอาใจช่วยครับ!
« Last Edit: October 12, 2010, 10:10:31 am by Flying Dutchman »

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm
ป.ล เกือบลืม เดี๋ยวทะเลาะกันตาย คอมเมนท์นี้ based on สไตล์การขับบนรถที่เซ็ตในแบบส่วนตัวของผมเอง และเฉพาะบนสนามที่อ้างถึงเท่านั้น ท่านอื่นอาจจะทำได้แตกต่างไปจากนั้น แล้วแต่ฝีมือและการตระเตรียมรถ

Offline ท่านขุน

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 3,472
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:November 25, 2022, 11:52:45 am
Quote
hp/weight ratio ประมาณ 6.9hp/kg

เอาจริงเหรอครับ   :good:

Offline unun

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2009
  • Posts: 1,633
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:July 17, 2019, 12:36:16 pm

ขอบคุณมากครับพี่ต่อ ขอเรียนเชิญมาถกปัญหาห้องนี้เรื่อยๆนะครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง จริงๆอยากเชิญพี่ columbus มาด้วย แต่ติดตรงที่ยังไม่ได้ซี้เท่านั้นเอง อยากให้มาถก แชร์ความคิด ความรู้ต่างๆเยอะๆครับ  เพราะผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมาก อาศัยว่าชอบรถ เครื่องยนต์กลไกเป็นอย่างมาก เลยอ่านเยอะ ลองเล่นมาก็เยอะ พังมาก็เยอะ เป็นประสบการณ์ชีวิตที่คุ้มค่าของผม อย่างที่พี่ต่อบอก ต่างคนต่างความต้องการ บางคนชอบ drag บางคนชอบ circuit บางคนอยากแค่ขับแรงๆมันส์บนถนนไม่ได้เน้นว่าต้องเข้าโค้งดี ฯลฯ

ของเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของรถแต่ล่ะคัน และความสามารถของเค้าที่จะทำให้มันออกมาตามที่ตั้งใจไว้ได้หรือเปล่าก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นไม่มีผิดถูกนะครับ

คืออยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านแชร์ความคิด เสนอไอเดียอะไรต่างๆมาได้นะครับ เราไม่ได้มาทะเลาะกันหรือว่าใครถูกใครผิด เสนอมาได้ ผมอยากรับฟังเผื่อบางทีผมอาจจะมองข้ามอะไรไป เพราะสิ่งที่ผมเขียนมานี่ไม่ได้ถูกต้องซะหมด 100%

ที่ผมอยากทำการบ้านมาก่อนเริ่มการทำเพราะจะได้มีจุดยืนของตัวเอง มีหลักฐานการทำของตัวเอง ติดขัดอะไรผมก็เปิดเอาจากหน้าผมเนี่ยแหละ บางทีถ้าไม่ได้วางแผนอะไรไว้ นานๆไปเราอาจจะหลงทาง จากตั้งใจไว้เอาเครื่องขับพอสนุก บูสท์ต่ำๆ กลับกลายเป็นว่าทำท่อนบนท่อนล่างซะใหญ่โต หอยลูกเบ้อเร้อ บูสท์มา 6000 รอบ ในขณะที่เครื่องปอดแหกที่ 6500 รอบ ผมพยายามคิดก่อนทำจะได้วางแผนถูกในสิ่งที่เราต้องเตรียม และสิ่งที่เราต้องแก้ใขก่อนที่จะเริ่มลงมือ งานมันจะได้เดินอย่างราบรื่น และเครื่องจะได้ออกมาอย่างที่เราตั้งใจไว้แต่แรก

โครงการเครื่องนี้ตั้งใจว่าจะไม่ได้ทำทันที แต่จะยกเครื่องที่มีอยู่แล้วใส่ไปก่อนเพื่อให้มันขับได้ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับการทำเครื่อง ผมจะซื้อเครื่องอีกตัวมาทำ โดยกะว่าจะหาหัวมาเพื่อจะได้ยกเครื่องทดลองนี้ลงไปติดตั้งแต่ทำกับหัวนั้นเลย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงเก็บรายละเอียดต่างๆ เดินทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วก็พร้อยกใส่ทันที โดยแบ่งเป็น 3-step อย่างที่กล่าวไปแล้ว คือ

step-1 ใช้เครื่องเดิม ท่อนบน ท่อนล่างเดิม ฝาเดิม แคมเดิม เรียกว่าเครื่องเดิมๆเลยก็แล้วกัน แล้วจับยัดหอยลงไป บูสท์พอประมาณ เน้นทนทาน เอาให้ขับสนุกบ้างในบางโอกาส รายละเอียดที่เพิ่มเติมคือ fuel / ignition system ต้องทำมารองรับใน stage ต่อๆไป ในขั้นตอนนี้เหมือนเป็นการเตรียมตัวเครื่องให้พร้อมสำหรับ step ต่อไป ดูว่าติดขับอะไร ต้องปรับปรุงเพิ่มเติมแก้ใขอะไรบ้าง เพราะใน step แรกนี้ การผิดพลาดเล็กน้อยๆอาจจะยังไม่ทำให้เครื่องระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แต่เมื่อเราเค้าเครื่องต่อไปใน step 2 และ 3 ความผิดพลาดแม้เพียงเสี้ยวเดียวนั้นหมายถึงว่าเครื่องพัง ไม่ใช่พังอย่างเดียว แต่หมายถึงเสียเงินก้อนโตด้วย! ฉะนั้นจึงอยากทำให้ระบบ basic นั้นสมบูรณ์พร้อมก่อน

step-2 จะเริ่มมองหาวิธีการทำให้เครื่องหายใจคล่องขึ้น ดูว่าพอทำมันหมุนได้มากขึ้นหรือเปล่า เพราะการที่เราจะให้ลมเพิ่มมากขึ้นมีอยู่สองทางคือ เพิ่มปริมาตรเครื่อง กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดอากาศ จะเพิ่มอากาศทำไงล่ะ ก็เพิ่มรอบไง แต่จะเพิ่มรอบอย่างเดียวคงไม่ได้ ก็เลยลามมาถึงการทำฝาให้มันสามารถหายใจได้คล่องขึ้นนั่นเอง

step-3 ทีนี้เริ่มชุดใหญ่เพิ่ม ลูก ก้าน เพื่อรองรับกับการเพิ่มรอบที่กล่าวไป ใน step-2 อาจจะเพิ่มรอบไม่ได้มากนัก step-3 จึงทำมาเพื่อรอวรับตรงจุดนี้ นอกจากเพิ่มรอบแล้วยังสามารถเพิ่มปริมาณอากาศเข้าเครื่องได้อีก ก็คือไปเพิ่มบูสท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมอาจจะเดิมทางมาไม่ถึงขั้นนี้ จริงๆอยากลองแค่ถึง step-2 เท่านั้นก็พอ เดี๋ยวมันจะเวอร์เกิน

ไอ้การเพิ่มประสิทธภาพเครื่องสมมติว่าเต็มที่ได้ 100% เราอาจจะทำให้ได้ถึง 80-95% นั่นไม่ยาก อีก 4% นั้นอาจจะยากมากกว่าอีกหลายเท่า แต่ไอ้เจ้า 1% ที่เหลือนั้นแหละยากเหลือหลาย เป็นสิ่งที่นักออกแบบเครื่องแข่งทุกคนเ้ค้าอยากได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้กันเชียว และการไปเฟ้นหาส่วนที่เหลือ 5% นั้นต้องใช้เงินอย่างมาก ทุกอย่างต้องคำณวนมาอย่างดี ซึ่งผมคิดว่าทำไปก็ไม่คุ้มค่า อาจจะได้มาคุยโม้กับเพื่อนๆ หรือว่าเป็นสุขทางใจของใครหลายๆคน แต่สำหรับผม ผมว่าไม่คุ้ม เล่นให้พอประมาณแล้วเอาเงินที่เหลือไปต่อยอดอย่างอื่นดีก่า อย่างของผมคันอยากทำ 1602 ที่บ้านใจจะขาดแล้ว

ขอเรียนเชิญพี่ๆน้องๆทั้งหลาย มาปาฐคถาเรื่องเครื่องกันได้เลยครับ w^w
« Last Edit: October 12, 2010, 02:03:23 pm by unun »
'05 BMW e46 330i
'00 MB R129 SL320
'84 BMW e30 318ic
'72 BMW 1602 coupe
'75 BMW 2002 touring

Offline Flying Dutchman

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Dec 2005
  • Posts: 2,685
  • Last Login:April 15, 2018, 11:17:57 pm
น่าจะออกมาสไตล์แนวๆนี้เลยหรือเปล่า
(เห็นหน้าเจ้าสองคนที่ไปนั่งถ่วงน้ำหนีกอยู่ข้างหนังแล้วน่าสงสารจัง คงจะหวาดเสียวไม่น้อย)

Sierra Cosworth Texaco Touring Car Dyno

Tags:
 

* Permissions

  • You can't post new topics.
  • You can't post replies.
  • You can't post attachments.
  • You can't modify your posts.




Facebook Comments