Author Topic: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_  (Read 8450 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
ก่อนอื่นเลยผมหวังว่าเรื่องราวที่จะนำมาถ่ายทอดนี้คงไม่ช้าเกินไปสำหรับ “วันแม่” ที่ผ่านมานี้  และต้องขอแจ้งให้ทราบด้วยว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ (รวมแล้ว 9 ตอน) เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของอาจารย์ที่สอนหนังสือผมท่านนึง ไม่ใช่เรื่องของผมเอง แต่อาจารย์ท่านนี้เป็นทั้งอาจารย์ที่สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เป็นทั้งรุ่นพี่ร่วมมหาวิทยาลัยและเป็นทั้งเพื่อนร่วมวงสนทนา

ดังนั้นทั้งหลายทั้งปวง ผมขอยก Credit ให้กับคุณแม่ และ อ.พลชัย  เพชรปลอด ผู้บรรจงถ่ายทอดความรู้สึกมาเล่าสู่กันฟังครับ....ด้วยความเคารพ....lupin   &v&

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #1 on: August 13, 2008, 11:36:35 am »
2 ส.ค. 2550  พลชัย  เพชรปลอด
 
ผมเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างเร่งรีบ เพราะในช่วงเช้าพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง  พาแม่เข้าโรงพยาบาลด้วยอาการที่ตาบวม หน้าบวม หน้าอกบวมไปหนึ่งข้าง  อีกทั้งยังไม่ยอมนอน  ต้องนั่งก้มหน้าตลอดเวลา  อาหารไม่ยอมแตะ

พอผมโผล่เข้าไปถึงโรงพยาบาล  อาการของแม่ที่ปรากฏมากกว่าที่ผมคาดคิดไว้  เพราะใบหน้าของแม่บวมโย้อย่างมาก  ปากบวมห้อย  ลิ้นบวมจุกปาก  ตาบวมปิดเกือบสนิท  รอบขอบตามีคราบเลือดที่เกิดจากการบวมจนเส้นเลือดฝอยรอบๆตาแตก

แม่อยู่ในสภาพที่ต้องนั่งก้มหน้าตลอดเวลา นอนไม่ได้  การหายใจดูช่างทรมานเหมือนคนหายใจแทบไม่ได้  แล้วต้องใช้แรงมหาศาลในการนำพาอากาศเข้าร่างกาย

ทุกครั้งที่แม่พยายามจะเอนนอน  ก็จะต้องทะลึ่งตัวกลับไปนั่งก้มหน้าอีกครั้ง  คำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์เสมือนกับแม่พยายามสื่อสารบางสิ่งบางอย่าง  แต่ฟังไม่รู้เรื่อง  และเหมือนกับคำเหล่านั้นมาจากสติสัมปชัญญะที่ไม่สมบูรณ์นัก

บ่อยครั้งที่แม่พยายามจะดึงสายออกซิเจนที่คาจมูกออก  พยายามจะชักสายน้ำเกลือ  ประหนึ่งว่าไม่ต้องอุปกรณ์ใดๆมายื้อชีวิตตัวเองอีกแล้ว

ผมมองด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก  หลายความรู้สึกระคนกัน  ทั้งดี  และร้าย  แต่ที่ชัดเจนในความคิดคือ “ความสงสาร”  ไม่อยากจะเห็นสภาพอาการทรมานเช่นนั้น

ตอนค่ำหมอถูกตามตัวมาดูอาการอย่างเร่งด่วน  และมีคำสั่งเอ็กซ์เรย์ในทันที

คืนนั้นผมให้พี่เลี้ยงที่ผมจ้างมาดูแลและอยู่เป็นเพื่อนแม่นอนเอาแรง  ขณะที่ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งคืนยันเช้าโดยมิได้หลับมิได้นอน  แต่นั่นก็คงน้อยกว่าวันเวลาในอดีตที่แม่เคยอดตาหลับขับตานอนเฝ้าดูยามผมเจ็บป่วย

ตอนค่ำผมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน 

ผมเหมือนลูกอกตัญญู  ที่เดินไปหน้าหิ้งกระดูกตายาย  แล้วยกมือไหว้บอกกับตายายว่า “ถ้าจะรับแม่ไปอยู่ด้วย  ก็พาไปอย่างสงบเถอะ  ผมไม่อยากทนเห็นสภาพของแม่แบบนี้”บางเวลาเราก็ไม่เข้าใจว่า  ชีวิตกำลังเดินทางไปที่ไหน  แล้วเรากำลังเดินหาอะไรบนเส้นทางนั้น

ผ่านครึ่งคืนไปอย่างทรมาน แม่ดูเหนื่อยและอิดโรยมาก  หายใจลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ  จนพยาบาลรอบดึกที่เข้าเวรมาหลังเที่ยงคืนต้องฉีดยาให้ประมาณตีสาม  แม่นั่งขัดสมาธิก้มหน้าตลอดเวลา  หายใจเสียงดังและเหนื่อย  ผมได้แต่เอาหมอนอิงค้ำหน้าผากไว้ไม่ให้โถมตัวคว่ำหน้าลงพื้น  แล้วในที่สุดเสียงลมหายใจของแม่สงบลงจนผมรู้สึกใจหาย  เย็นวาบไปทั้งตัว

 เอื้อมมือไปไปแตะที่ข้อมือเสมือนไม่มีสัญญาณชีพจร  ผมรู้สึกราวกับว่านาทีนั้นผมได้หยุดหายใจไปชั่วขณะ  เอื้อมไปแตะที่คอยังแสดงสัญญาณชีพจรที่อ่อนแรงเต็มทน
ผมบีบมือแม่เบาๆและกระซิบที่ข้างหูว่า  ถ้าแม่เหนื่อย  และอยากพักผ่อน  แม่พักให้สบายไม่ต้องห่วง  หรือกังวลอะไรนะ  เพราะแม่เหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว

เสียงลมหายใจแม่ราบเรียบขึ้น  ยาคงออกฤทธิ์ให้แม่หลับ  ขณะที่ผมนั่งดึงแขนแม่ไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้โอนเอนล้มไปฟาดราวเหล็กกั้นขอบเตียง

ความเลวร้ายของภาพที่ปรากฏทำให้เรารู้สึกได้ถึงเวลาที่ผ่านไปในแต่ละช่วงของชีวิต  บางทีพระองค์ใหญ่ที่เคยตั้งใจจะพาแม่ไปไหว้  แล้วก็รอเวลาให้ว่างก่อน  ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้พาแม่ไป

สถานที่เคยบอกว่าว่างแล้วจะพาแม่ไปเที่ยว มันอาจจะเป็นแค่คำพูดในสายลมที่ไม่อาจหวนย้อนกลับคืน
อาหารร้านอร่อยที่เคยตั้งใจพาแม่ไป  ก็อาจเป็นเพียงสิ่งที่จางหายไปกับกาลเวลา

วันแม่ปีนี้  ผมอาจไม่มีแม่ให้สวมกอดแล้วรับช่อมะลิไปชื่นชม

นั่นอาจจะเป็นข้อดี  ถ้ามันจะคือบทเรียนที่บอกว่า ถ้าอยากจะทำอะไรให้แม่  ก็อย่ารอเวลา  อย่าเกี่ยงเวลา
อีกประการ มรณานุสติที่ได้สัมผัส  ผมเห็นภาพความทรมานของมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับการยื้อยุดให้ตัวเองมีชีวิตต่อไปว่ามันแสนสาหัสเพียงใด

แต่อย่างน้อยที่สุด  ท่ามกลางความสาหัสนั้น  แม่ในวัย 72 ที่มองดูแก่เกินวัยด้วยสภาพอิดโรยก็สามารถต่อสู้และเอาชนะเวลาไปได้อีก  1 วัน  แม้ว่าลมหายใจแต่ละครั้งนั้น จะดูยากเย็นเหลือกำลัง...

« Last Edit: August 13, 2008, 11:39:41 am by lupin »

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #2 on: August 13, 2008, 11:49:33 am »
3 ส.ค. 2550
 
ผมรู้สึกอิดโรยพอดูจากการนั่งอยู่ข้างเตียงแม่ทั้งคืนจนเช้า  พี่เลี้ยงที่จ้างมาดูแลแม่ตื่นมารับช่วงต่อจากผม

ผมเอนตัวลงนอนบนโซฟาในห้องคนไข้  ตาหลับ  แต่หูยังได้ยินเสียงแม่ครางเบาๆเป็นระยะ  และตื่นทุกครั้งที่พยาบาลในช่วงเช้าเข้ามา  ทั้งเจาะเลือด  ฉีดยา  วัดความดัน  วัดไข้  ทำให้นอนได้ไม่เต็มที่

ผมถามพยาบาลในตอนสายว่าหมอจะมากี่โมง  ไม่มีใครตอบได้ เพียงบอกว่า มาแน่นอน  แต่ไม่รู้ว่าเวลาไหน  ได้แต่นึกว่าเราคงไม่มีสิทธิ์เรียกร้องใดๆหรอก  เพราะชีวิตแม่ต้องฝากไว้กับพวกเขา

จนผ่านไปเกือบครึ่งวัน  ผมมีงานด่วนที่ต้องส่งให้ลูกค้า  หอบงานมาเพื่อพึ่งพาโน๊ตบุคส์และอาศัยอินเตอร์เนตส่งงาน  บอกพี่สาวลูกพี่ลูกน้องว่า  ผมจะกลับไปที่บ้านแม่เพื่อไปทำงานให้ลูกค้าก่อน  แล้วขอนอนสักตื่น  แล้วจะกลับมาตอนเย็น

บีบมือแม่เบาๆก่อนผละออกมา  ได้แต่สื่อสารในใจว่า “นอนหลับให้สบายนะแม่....”

รีบทำงาน  แล้วอาบน้ำนอน  เพียงแค่ชั่วโมงเศษ  โทรศัพท์บ้านดังขึ้น ต้องพี่สาวอย่างแน่นอน  เพราะผมปิดมือถือไม่อยากให้ใครรบกวนการนอน

“หมอมาดูแล้ว”  พี่สาวเริ่มเกริ่น 

คืนที่ผ่านมา  พวกเราช่วยกันยกแม่ขึ้นรถเข็นอย่างทุลักทุเลพาไปเอ็กซ์เรย์อีกตึกหนึ่ง  นอนราบก็ไม่ได้  แม่ต้องใช้วิธีนั่งแล้วสอดฟิล์มไว้ข้างหลัง  โดยมีผมช่วยยึดตัวแม่ไม่ให้ขยับขณะปล่อยรังสีเอ็กซ์เรย์

“หมออ่านฟิล์มว่าอย่างไร”  ผมตัดบทคำถาม  หลังจากที่พี่สาวพยายามพูดเล่าอ้อมไปมา  พี่สาวอึ้งไปพักหนึ่งก่อนตอบแบบไม่เต็มเสียง “มะเร็ง...ที่ปอด”

แม้ว่าตอนค่ำที่หมอสั่งเอ็กซ์เรย์ด้วยข้อสันนิษฐานว่าน้ำท่วมปอด  แต่ผมก็สังเกตเห็นฟิล์มตอนที่พี่สาวรอรับแล้วถือขึ้นมาให้พยาบาลบนวอร์ด โดยปกติแล้วฟิล์มจะเป็นสีขาวในส่วนที่เป็นกระดูก  แต่นี่ภาพของปอดข้างหนึ่งปรากฏชัดเป็นรูปร่าง  ขณะที่อีกข้างปรากฏรูปร่างมาครึ่งอันแม่กำลังหายใจด้วยปอดเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นเอง

ผมถามพี่สาวว่าที่ปอดข้างขวาใช่มั้ย?  แม้พี่สาวจะตกใจที่ผมรู้ได้อย่างไร  ผมจึงบอกว่าผมเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  แต่ไม่อยากพูดอะไรแม้ว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะชี้ชัด  แต่ความจริงบางอย่างเราก็ไม่อยากจะรับรู้มัน

พี่สาวพูดปลอบใจผม  ผมก็ได้แต่บอกว่า  ผมทำใจตั้งแต่เห็นฟิล์มเมื่อคืนแล้ว  เพียงแค่รอฟังการยืนยันจากหมอเท่านั้นเอง ถ้าอะไรจะเกิดขึ้น  ผมอยากให้แม่ไปอย่างสงบแค่นั้นเอง  ผมไม่อยากเห็นภาพแม่ที่ต้องต่อสู้ยื้อชีวิตตัวเองเหมือนเมื่อคืน

เย็นผมไปที่โรงพยาบาล  แม้ในใจมันจะรู้สึกปวดร้าวอยู่ลึกๆ  แต่ผมก็เดินยิ้มเข้าไปหาแม่  แล้วพูดหยอกล้อเหมือนที่เคยทำหมอให้ฉีดยากันเหนื่อย  และพ่นยาเข้าปอดทุกๆ 6 ชั่วโมง  ตอนที่ไปถึงนั้นแม่พ่นยารอบแรกไปแล้ว  ดูท่าทางหายใจสบายขึ้น

ตลอดคืน  ผมนั่งอยู่ข้างเตียงแม่ด้วยความหวังที่มีมากขึ้นกว่าเดิม  เพราะแม่นอนหลับได้นานขึ้นด้วยท่านอนตะแคงที่แม่ชอบนอน แม้ว่าแม่จะเริ่มอาการผุดลุกผุดนั่งอีกครั้งตอนใกล้สว่าง  แล้วไม่ยอมหลับอีกเลย  แต่ภารกิจของการมีชีวิตอยู่ของแม่ก็ได้ประสบความสำเร็จไปอีก 1 วัน.....
« Last Edit: August 13, 2008, 11:56:07 am by lupin »

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #3 on: August 14, 2008, 08:55:40 am »
4 ส.ค.50
 
สภาพของแม่ดูดีขึ้นในเช้าวันนี้  หลังจากที่เมื่อคืนสามารถนอนตะแคงในท่าโปรดได้นานพอดู  แม้จะมาครวญคราง  ผุดลุกผุดนั่งตอนใกล้สว่าง  ก็ถือว่ายังได้พักผ่อน

ผมยังอยู่โรงพยาบาลจนสายใกล้จะเพล  ป้ามาเยี่ยมแม่  ผมเพิ่งเห็นรอยยิ้มเต็มๆจากแม่ที่อยู่ในอาการอิดโรย ก่อนหน้าแม่กับป้าเคยโกรธกัน  ไม่พูดกันเป็นเวลาหลายปี  แต่โชคดีที่ไม่เคยลามปามไปสู่คนอื่น  ผมและพี่ๆรักและปรองดองกันดี  ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดมา  ผมเองก็ได้พี่ๆส่งให้เรียนจนจบ

ผมเป็นลูกคนเดียว  ต้องมาทำงานใน กทม.  อาศัยว่าพี่สาวคอยช่วยแวะเวียนมาดูแลแม่ให้  จนมาเมื่อปีที่แล้ว  แม่เริ่มมีอาการของโรคสมองเสื่อม  หรือที่เราจะรู้จักกันดีในอาการคนแก่ “หลง”  ผมจึงต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลแม่  และยอมเหนื่อยมากขึ้นในการเดินทางไปกลับต่างจังหวัดทุกสัปดาห์  เว้นแต่ติดภารกิจอันหลีกเลี่ยงไม่ได้

ช่วงที่เริ่มๆอาการเมื่อปีที่แล้ว  พี่ชายและพี่สะใภ้อาสาพาแม่ไปดูแล  พาไปอยู่ด้วยกันที่บ้านป้า  แต่แล้วก็ให้เกิดอาการเคืองกับป้าอีก  แล้วไม่ยอมอยู่ต่อ  ขอกลับมาอยู่บ้าน  จึงเป็นเหตุให้ต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแล 24 ชั่วโมง

ทว่าเมื่อวันแรกที่เข้าโรงพยาบาล  บางช่วงที่แม่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น  ก็มีเพ้อเรียกหาป้าเช่นกัน  ความเป็นพี่น้องก็คงจะตัดกันไม่ขาดสะบั้นหรอก  เพียงแต่บางช่วงเวลาที่ทิฐิในใจทำให้คนเราไม่ยอมงอให้กัน

ผมเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งปอด  จริงๆแล้วน่ากลัวไม่น้อยที่โรคนี้ติดอันดับหนึ่งในบรรดามะเร็ง  และยังเป็นสาเหตุการตาย 1 ใน 3 ของทุกมะเร็ง  สาเหตุหลักๆก็อย่างที่เรารู้ๆกันว่ามาจากการสูบบุหรี่  แต่แม่ผมไม่เคยสูบ  แม้ว่าประมาณ 15-20 % เท่านั้นของผู้รับควันจากคนอื่นจะเป็น  แล้วทำไม...แม่ผมต้องอยู่ในส่วนน้อยนั้นด้วย

โดยทั่วไปแล้วมะเร็งปอดนั้นจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่  คือชนิดที่เซลล์เล็ก  และชนิดที่เซลล์ไม่เล็ก  ชนิดแรกนั้นสาเหตุหลักมาจากบุหรี่ สามารถแพร่กระจายไปทั่วปอด  หรือสู่ส่วนอื่นๆได้เร็ว  คนที่เป็นมักจะไม่รอด  แค่ในระยะ 3-4 เดือนหลังจากพบก็มักจะตาย

แต่มะเร็งปอดอีกชนิดที่เซลล์ไม่เล็กจะเป็นกันเยอะมาก  เรียกได้ว่า 80% ของคนเป็นมะเร็งปอด  ก็จะอยู่ในข่ายนี้  มีสาเหตุหลายสาเหตุที่ทั้งเกี่ยวข้องกับบุหรี่  และไม่เกี่ยวข้อง..........................................

หลังจากป้ากลับไป  ผมก็กลับบ้านไปอาบน้ำและนอนพัก  ปกติแล้ววันเสาร์เช้า  หรือทั้งเช้าและเย็นผมมักจะไปเล่นเครื่องบิน (RC)  และพาแม่ไปดู  แม่ชอบดูเครื่องบิน  มาช่วงหลังแม่ไม่ค่อยติดตามผมไปดูเครื่องบิน  โดยจะอ้างว่าเดี๋ยวปวดฉี่ไม่มีที่เข้าห้องน้ำ  ก็จะมีบ้างที่ผมยื้อชักชวนไป โดยรับประกันว่าจะรีบขับรถกลับบ้านทันทีที่แม่บอกว่าปวดฉี่  แต่ก็ไม่เห็นปวดสักครั้ง

ผมกลับไปที่โรงพยาบาลตอนค่ำ  นอนไปพักหนึ่ง จนหลังเที่ยงคืน  จึงเปลี่ยนให้พี่เลี้ยงนอน  และผมเฝ้าแม่จนเกือบสว่าง คืนนี้ได้เผลอสัปหงกไปหลายครั้ง  เพราะแม่หลับได้เป็นบางช่วง  ผมก็จะผล็อยไปในช่วงนั้นๆ  แล้วสะดุ้งตื่นยามที่แม่ลุกนั่ง  หรือร้องครวญคราง

แม้ว่าแม่จะต่อสู้ผ่านไปได้อีก 1 วัน  แต่ผมเองกลับรู้สึกมีอาการง่วงตลอดเวลา  และเริ่มอิดโรยมากขึ้น  อาการหวัดที่เป็นมาจาก กทม.  กับยาที่กินเข้าไปอาจทำให้ผมยิ่งรู้สึกทรุดลงอย่างรวดเร็ว  เพราะหลังกินยาแม้จะง่วงก็ต้องฝืนต่อสู้กับความง่วงตลอดค่ำคืน...

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #4 on: August 14, 2008, 08:57:35 am »
5 ส.ค. 2550

เช้าวันนี้ราวกับปาฎิหาริย์มาเยือน  แม่มีอาการดีขึ้น  อาจจะเป็นเพราะได้นอนมากขึ้นในคืนที่ผ่านมา  อีกอย่างวันนี้มีญาติๆมาเยี่ยมหลายคน  บางคนก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว  แม่คงรู้สึกดีใจที่ได้เจอะเจอ

คำว่า “กำลังใจ”  คงเป็นคำที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ได้อีกเหตุผล  เพราะผมและพี่สาวตกลงกันว่า  เราจะไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ว่าหมอวินิจฉัยแม่ว่าอย่างไร  ผมจะพูดเพียงว่า  แม่บวมน้ำ  ที่หายใจขัดก็เพราะว่าน้ำที่บวมมีปนเข้าไปในปอดเล็กน้อย

ดังนั้น ทุกคนก็จะไม่มีอาการเศร้านับถอยหลัง  แต่ทุกคนก็จะยิ้มแย้มและหยอกล้อกับแม่ว่าอีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้

ใช่..กลับบ้าน  ผมก็ได้แต่รอวันที่จะพาแม่กลับบ้าน จะช้าหรือเร็วก็ได้  แต่ผมอยากพาแม่ที่มีลมหายใจกลับบ้าน...แม้ว่าใจหนึ่งก็รู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่คิดว่าเมื่อไหร่แม่จะได้กลับบ้าน...........................................

ตอนค่ำผมไปกินข้าวกับพี่ชาย  นั่งคุยกันถึงแนวทางว่าผมควรจะทำอย่างไรดี  ถ้าวิธีรักษาเป็นแบบนี้  หรือแบบนั้น

ผมมีคำตอบสั้นๆที่ทุกคนเห็นด้วยคือ  ผมทำใจแล้ว  ไม่ว่าแม่จะอยู่  หรือจะไป  แต่ผมไม่อยากเห็นแม่ทรมาน ผมจะยอมจำนนต่อโชคชะตาไม่ยื้อชีวิตแม่อีกต่อไปถ้าสิ่งนั้นจะทำให้แม่เจ็บปวดและทรมานมากขึ้น  นั่นแปลว่าจะไม่มีการผ่าตัดใดๆทั้งสิ้น

แต่หากว่าแนวทางการรักษาใดที่ไม่ถึงกับทรมานมากนัก  และไม่ใช่การทดลองที่หมอจะบอกว่าผลคือ 50 : 50 ผมจะทดลองยอมตาม  แต่ “ทางเลือก” นั้นต้องเป็น “ทางรอด” ที่หมอยืนยันว่ามากกว่า 50 %

พี่สาวช่วยเฝ้าแม่จนผมกลับไปถึงตอน 3 ทุ่มกว่า  พยาบาลเอายาพ่นเข้าปอดมาให้ตอนใกล้เที่ยงคืน  ผมรับหน้าที่พ่นยาให้แม่  เพราะพี่เลี้ยงให้นอนหลับเอาแรงไปก่อน ผมครอบหน้ากากออกซิเจนที่มียาฟุ้งกระจายที่จมูกแม่  เพียงแป๊บเดียวแม่เริ่มร้องและพยายามจะปฏิเสธการรับยาด้วยการส่ายหน้าไปมา

ผมพยายามปลอบแม่ว่าอีกนิดเดียว  อดทนอีกนิดเดียวยาก็จะหมด  แล้วแม่จะหายใจคล่องขึ้น วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน  หรือเมื่อช่วงกลางวัน  เพราะแม่เริ่มร้องครวญครางมากขึ้น  จนผมเริ่มไม่มั่นใจว่ามือที่ครอบหน้ากากพ่นยาบนใบหน้าของแม่นั้น  กำลังเป็น “การเยียวยา”  หรือว่า “การฆาตกรรม”

แม่เริ่มดิ้นมากขึ้น  เสียงร้องครวญครางเริ่มดังขึ้นกว่าปกติ  ผมเริ่มลังเลใจมากขึ้นว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นั้นคืออะไรแล้วผมก็ต้องชะงักถอนหน้ากากออกจากแม่ทันที  เมื่อแม่เริ่มน้ำตาไหล  สองมือจับข้อมือของผมไว้แน่น  แล้วออกแรงอันน้อยนิดที่มีอยู่กระชากมือผมให้หลุดพ้นจากการเยียวยาด้วยวิธีนั้น

แม้ว่าแรงของแม่จะสู้ผมไม่ได้  แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความพยายามของมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการพ้นจากห้วงของความทรมาน

แม่ตะโกนเรียก ... “แม่”....สุดเสียง เสียงนั้นดังพอที่พยาบาลซึ่งอยู่ในห้องพักจะได้ยิน  และดังพอที่ทำให้พี่เลี้ยงสะดุ้งเฮือกทะลึ่งขึ้นมานั่งอย่างตกใจว่าเกิดเรื่องร้ายอะไร

และมันก็ดังพอที่จะบาดหัวใจผมให้ร้าวลึกลงไปยันขั้ว  บางความรู้สึกทะลักขึ้นมาจุกคอจนกลืนน้ำลายไม่ลง  น้ำตาปริ่มคลอที่เบ้าจนกลั้นแทบไม่อยู่

ผมผงะถอยออกมายืนงง  งงว่าตัวเองทำอะไรลงไป  สิ่งที่ผมถืออยู่ในมือมันคืออะไรกันแน่

ในที่สุดพี่เลี้ยงลุกขึ้นมารับหน้าที่ต่อจนยาพ่นหมด  แม่จึงนอนลงอย่างสงบอีกครั้ง

คืนนี้แม่นอนด้วยอาการที่ไม่ค่อยสงบนัก  คงเหมือนกับฝันร้ายที่ผ่านมาเยือน แม่ตื่นเป็นระยะ  มองนาฬิกา  ถามเวลากับผมเพื่อยืนยันเวลา  แล้วแม่ก็พูดว่า.. “นอนเถอะ  แม่สงสารลูก..แม่สงสารลูก” เสียงนั้นแหบแห้ง  แผ่วเบา  บางครั้งก็ไร้เสียงเล็ดลอดจากปากที่ขยับนั้น

หลับเถอะแม่  ผมบอก  ผมไม่ง่วงหรอก  ผมอยากดูทีวี......ใช่นะ..ผมอยากดูทีวี  เพราะนั่นจะทำให้ผมไม่เผลอหลับ...


Offline sleepers

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jan 2007
  • Posts: 60
  • Last Login:August 05, 2016, 04:01:00 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #5 on: August 14, 2008, 06:54:16 pm »
มาต่อหน่อยครับ

Offline nong26june

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 5,668
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:June 12, 2020, 02:07:52 am
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #6 on: August 14, 2008, 07:53:53 pm »
 :cry: :cry: :cry: :cry: :cry:

รู้สึกเข้าใจและใกล้ชิดกับความรู้สึก....แบบนี้

เหลือเกิน...

ตอนอายุ 20 ต้องนอนเฝ้าคุณพ่อป่วยที่โรงพยาบาลถึง 2 ปี

กว่าที่คุณพ่อผม...

จะจากไป...

เป็น 2 ปีที่ยาวนาน..รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดและดูแลคุณพ่อ...ยามที่ท่านเจ็บป่วย

ขอจองเก้าอี้...แถวหน้าครับ...


 :embarassed: :embarassed: :embarassed: :embarassed: :embarassed:
* * * ไม่ต้องกรี๊ดดด... พี่ไม่มีตังค์... * * *

* * * หน่อง : 081-919-9904 * * *

Offline MR.bizaut

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 165
  • Gender: Male
  • Last Login:December 10, 2019, 04:49:42 pm
    • w w w . t y p e 2 s h o p . c o m "Place of Vw Bus Lover"
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #7 on: August 14, 2008, 09:32:00 pm »
เป็นความรู้สึกเดียวกันเลยครับ ของผมเพิ่งเจอเมื่อเดือน พค. ที่ผ่านมานี้เอง

ท่านจากผมไปอย่างสงบแล้ว และปีนี้เป็นปีแรกที่วันแม่ แล้วแม่ไม่อยู่กับผม


รออ่านต่อนะครับ
www.type2shop.com
Web สำหรับคนชอบรถโฟล์คตู้

Offline Mad Truck

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Apr 2008
  • Posts: 1,553
  • Gender: Male
  • Last Login:October 06, 2016, 11:53:16 am
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #8 on: August 15, 2008, 01:54:25 am »
พูดไม่ออกเลยครับ  :cry:

Offline Hayabusa

  • !!! SKYLINE HGC 210 !!!
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2007
  • Posts: 4,830
  • Gender: Male
  • Last Login:September 20, 2015, 02:22:20 am
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #9 on: August 15, 2008, 07:41:10 am »
 'b' 'b' 'b'
PURE-PASSION

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #10 on: August 15, 2008, 08:59:24 am »

6 ส.ค.2550
 
ผมอิดโรยเต็มที่  เริ่มทบทวนบางสิ่งบางอย่าง  แม่ดูอาการดีขึ้น เริ่มเรียกร้องอาหาร  เริ่มบอกว่าหิว  และรับประทานอาหารบ้าง

ผมเริ่มทบทวนว่าก่อนที่ตัวเองจะทรุด  ผมควรจะทำตัวเองให้แข็งแรงก่อน  เพราะแค่ไม่กี่คืนน้ำหนักหายไปประมาณ 7 กิโลฯ  กางเกงหลวมทันตา

“กรุณาสวมหน้ากากออกซิเจนให้ตัวท่าน  ก่อนสวมให้เด็ก...”  คำประกาศทุกเที่ยวบินของแอร์โฮสเตส  ทำให้ได้คิด  ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนแนวทาง  โดยการจ้างผู้ช่วยพยาบาลเฝ้าไข้กลางคืน  เพื่อผมจะได้พักผ่อนมากขึ้น  และพี่เลี้ยงก็เช่นกันจะได้มีเวลาพักมากขึ้น  แต่ก็ให้นอนที่โรงพยาบาลเผื่อฉุกเฉิน................................   

ผมนึกไม่ออกว่าทำไมแม่จึงเป็นมะเร็งปอดได้  เพราะแม่ไม่ได้สูบบุหรี่  แต่เท่าที่ทางการแพทย์สรุปสาเหตุไว้  ไม่ว่าใครก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นได้  เพราะมันอาจเกิดได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้

สาเหตุแรก คือ การสูบบุหรี่  คนที่สูบบุหรี่วันละซองจะเสี่ยงต่อโรคนี้มากกว่าคนทั่วไปถึง 25 เท่า  แม้ว่าการสูบไปป์หรือซิก้าจะดูปลอดภัยกว่า  แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะรอด

สาเหตุที่สอง คือ คนที่ไม่สูบบุหรี่  แต่ได้รับควันบุหรี่  มีอัตราความเสี่ยงไม่น้อยไปกว่าคนสูบเอง  นั่นคือ 24 เท่า  กรณีนี้เหมือนการถูกคนใกล้ชิดฆ่าทีละน้อย

สาเหตุที่สาม  คือ พวกที่ทำงานในโรงงานที่มีฝุ่นมีควันพิษ  โดยเฉพาะถ้าเป็นโรงงานที่มีแร่ใยหินอยู่ด้วยยิ่งจะทำให้เป็นได้ง่ายขึ้น  กลุ่มนี้ถ้าสูบบุหรี่ด้วยก็จะยิ่งเร่งวันตายให้ตายเองเร็วกว่าคนอื่น 50-90 เท่า

สาเหตุที่สี่  คือ คนที่ได้รับก๊าชบางชนิดเข้าไป  ก็อาจจะทำให้เป็นได้เช่นกัน

สาเหตุที่ห้า  คือ คนที่เคยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับปอด  เช่น โรคหลอดลมเรื้อรัง  ก็อาจจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้ง่ายกว่าคนปกติ

สาเหตุที่หก  คือ กรรมพันธุ์  แต่ในกรณีนี้เท่าที่ทราบตระกูลของเราก็ไม่เคยมีประวัติ  แต่ถ้าแม่เป็นด้วยสาเหตุนี้  คนที่จะน่ากลัวคนต่อไป  คือ ผมเอง

สาเหตุที่เจ็ด  คือ อากาศพิษ คำนี้อาจจะกว้างกว่าการเป็นมลพิษทางอากาศ  เพราะหมายรวมถึง  การใช้สารเคมีฆ่าแมลง  หรือสารเคมีที่ฟุ้งกระจายรวมอยู่ด้วย

ซึ่งสาเหตุนี้เป็นไปได้มากที่สุดที่แม่จะเป็น  เพราะบ้านเราไม่เคยติดแอร์  แม่นอนพัดลมมาตลอด  และไม่เคยชินกับแอร์  สมัยก่อนรอบๆบ้านเก่าจะมียุงเยอะ  แม่ก็จะสุมไฟไล่ยุง  จุดยากันยุงนอน  รวมทั้งฉีดดีดีทีแบบที่เป็นกระป๋องมีก้านฉีดเป็นกระบอกยาวๆ

จะสาเหตุไหนก็คงไม่สำคัญเท่ากับ  แม่เป็นแล้วจะหายได้อย่างไร?.................................

วันนี้หมอให้เจาะปอด  เพื่อช่วยระบายน้ำออกส่วนหนึ่ง  และเอาน้ำไปตรวจเพื่อหาดูเซลล์มะเร็งด้วย  กว่าจะรู้ผลก็คงอีก 2-3 วัน  แม่ไม่ได้มีอาการต่อต้านใดๆ  หมอเอาน้ำออกแค่จำนวนหนึ่ง  เพราะหากออกมากอาจทำให้ความดันตก  และหมดแรงมากเกินไป

บางทีมรสุมร้ายๆที่กำลังผ่านจิตใจในตอนนี้  อาจจะพาท้องฟ้าใสๆมาให้เห็น  แม้ว่าหมอจะไม่เปลี่ยนใจเมื่อเห็นสีของน้ำจากปอดว่าสิ่งที่กำลังทำร้ายแม่คือมะเร็งอย่างแน่นอน

แต่เวลาอีก 48-72 ชั่วโมงจากนี้  ที่รอคำยืนยันจากห้องแลป  มันก็คงเป็นเพียงความหวัง

หวังว่าคำตอบจะคือ.. “ไม่ใช่” ...

ผมได้แต่มีความหวัง  แม้ว่ามันอาจจะเป็นความหวังที่ทำให้ผมมีความสุขอีกเพียง 72 ชั่วโมงหรือเพียง 3 วันก็ตาม....

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #11 on: August 15, 2008, 09:01:13 am »

7 ส.ค. 2550

อาการแม่ดีขึ้นตามลำดับ  ผมตัดสินใจกลับ กทม. ให้ญาติอยู่เฝ้าแม่กับพี่เลี้ยง  เพราะมีงานที่ต้องรีบส่งลูกค้าค้างมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน  ระหว่างการรอผลตรวจน้ำในปอดและตัวอย่างเนื้อเยื่อที่เจาะปอดไปต้องใช้เวลา 2-3 วัน  ดังนั้นผมควรจะจัดการภารกิจที่ค้างคาให้เสร็จสิ้น

ได้แต่โทรถามอาการของแม่  ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างผม  แม่เริ่มทานอาหารได้แม้จะไม่มาก  แต่ก็ทำให้สิ่งที่เรียกว่า “ความหวัง”  แจ่มชัดมากขึ้น

มีญาติๆไปเยี่ยมเยียนหลายคน  เชื่อว่าแม่คงจะได้กำลังใจ  และถูกดึงความสนใจไปอยู่ที่คนหลายคนที่ไม่ค่อยได้เจอะเจอกัน

แม้ว่าตอนนี้หมอจะยังไม่ฟันธง 100% ว่าแม่เป็นมะเร็งปอด  โดยรอการยืนยันจากผลแลป  แต่เท่าที่ผมเริ่มประมวลเวลาที่รู้สึกว่าแม่เริ่มป่วยเมื่อกลางปีที่แล้ว  ก็คือช่วงเวลาประมาณสิงหาคมนี่แหละ  อาการต่างๆจะค่อนข้างหลีกหนีอาการของมะเร็งได้ยาก เพราะมะเร็งชนิดนี้มักจะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรมากมายจนผิดสังเกต  พอเจอก็มักจะเป็นระยะสุดท้ายแล้ว

อาการเด่นๆของมะเร็งชนิดนี้คือ อาการไอ  หอบ  เหนื่อย  หายใจไม่ทัน  มีน้ำในปอด  น้ำท่วมปอด  ซึ่งก่อนหน้าสัก 2 เดือน แม่มีอาการไออยู่หลายสัปดาห์  แต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาล  นอกจากยอมให้พาไปหาหมอคลินิกที่ไปหาอยู่ประจำ  แล้วในที่สุดวันที่เข้าโรงพยาบาลอาการน้ำท่วมปอดก็ชัดเจน

อาการลุกลามไปที่อื่นๆเช่น  อาการเสียงแหบ  ช่วงเดียวกับที่ไอมากๆ  แม่เสียงแหบพร่า  และเสียงเปลี่ยนไป  ผมยังแซวว่าเป็นเป็ดหรืออย่างไร  หารู้ไม่ว่านั่นผมกับกำลังหยอกล้อกับมัจจุราชที่แฝงตัวมา

อาการลุกลามไปอวัยวะอื่น  อาจส่งผลให้ความจำเสื่อม  ปวดตามกระดูก  ซึ่งอาการความจำเสื่อมนี้เกิดขึ้นมา 1 ปี แล้ว  ก่อนหน้านั้นก็มีการโชว์อาการผิดปกติอีกอย่าง คือการปล่อยสารเคมีในร่างกายผิดปกติ  ส่งผลให้ความดันสูง  หน้าบวม  ซึ่งอาการนี้เป็นอาการเริ่มต้นที่ผมเริ่มสังเกตเห็น

เมื่อปีที่แล้วจุดเริ่มต้นอยู่ที่แม่เกิดอาการความดันขึ้นสูง  พาไปหาหมอกินยาลดความดัน  แต่แล้วอยู่ๆก็เกิดอาการหน้าบวม  และแสดงอาการความจำเสื่อม  เริ่มหลงๆ  ทำให้เข้าใจว่ากินยามากเกินขนาดหรือเปล่าจึงบวม

หมอรักษาไปตามอาการ  เพราะแม่จะไม่ยอมไปตรวจที่โรงพยาบาลเด็ดขาด  แต่ยอมไปหาหมอคลินิก  เครื่องไม้เครื่องมือตรวจก็ไม่มี  ได้แต่กินยาไปตามอาการ

ดีขึ้นพักมาหนึ่ง แล้วต่อมาเกิดหน้าอกบวมเมื่อสักตอนปลายปีที่แล้ว  ตอนนั้นหมอที่คลินิกเรียกผมคุยว่ามี 3 สาเหตุ  ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ  เนื้องอก  และเนื้อร้าย  เราตัดสินใจว่าทดลองยาต่อมน้ำเหลืองอักเสบก่อน  1 เดือนผ่านไป อาการดีขึ้นที่บวมก็ยุบลง  เลยทำให้รู้สึกเบาใจว่าเป็นแค่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ

แล้วในที่สุดแม่ก็แสดงอาการขั้นสุดท้ายให้เห็น  นั่นคือผอมลงอย่างรวดเร็ว  เบื่ออาหารจนกินข้าวเพียง 2 ช้อน บางวันก็กินไม่หมดด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะ 4 วัน ก่อนเข้าโรงพยาบาล  แม่มีอาการผุดลุกผุดนั่ง  ไม่ยอมนอน  ต้องลุกขึ้นมานั่งหลับ  ตาบวมมาก  หน้าบวม  หน้าอกเริ่มบวมไล่ตามกันมาอย่างรวดเร็ว  และเห็นได้ชัดมากถึงความเปลี่ยนแปลง………………

แม้ว่านาทีนี้หมอจะยังไม่ฟันธง  แต่หากพิจารณาจากอาการทั่วไปของมะเร็งปอดแล้ว  เหมือนว่าแม่จะแสดงอาการให้เห็นแทบครบทุกอย่าง

ผมได้แต่บอกตัวเองตอนนี้ว่า..ขอให้นี่เป็นเพียงการตีความแบบตีตนไปก่อนไข้ของผมคนเดียว...

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #12 on: August 15, 2008, 09:02:24 am »
กรุณารออีก 72 ชั่วโมงครับ....แล้วค่อยมาฝังผลพร้อมๆกันวันจันทร์.....lupin

Offline thaidub

  • dub dub ba dee dub
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 12,330
  • Gender: Male
  • Last Login:December 25, 2019, 08:58:03 am
    • my fleet
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #13 on: August 15, 2008, 09:19:39 am »
ได้แต่ให้กำลังใจครับคุณ lupin
[img width= height=]http://www.damnlol.com/pics/597/422dd996a42a0a5f7e4b2a3a28d689ef.gif[/img]
THE RETRO WATERCOOLED VW REGISTRY http://www.bangkokclassiccar.com/forum/index.php?topic=21593.0
MY FLEET BUILD THREAD http://www.bangkokclassiccar.com/forum/index.php?topic=3592.420

Offline Yesterday2morrow

  • Collect moments not things.
  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Aug 2005
  • Posts: 1,709
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:April 17, 2024, 07:40:34 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #14 on: August 15, 2008, 09:26:41 am »
โดนครับ กระทู้นี้ คิดถึงแม่จัง :cry:
1952 Opel Olympia
1954 Opel Kapitan
1956 Opel Olympia rekord
1962 bmw 700 ls
1966 bmw 2000 C Automatic
1995 bmw E36 compact
2014 subaru xv
xxxxxxxx  happiness.

Offline kung321

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jan 2008
  • Posts: 372
  • Gender: Male
  • Last Login:November 26, 2021, 11:41:06 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #15 on: August 15, 2008, 09:37:08 am »
เป็นกระทู้ที่ดีมากๆครับ (น่าติดตาม)

Offline เจ้าบ้านบางกอกฯ

  • If you love classic cars, you are my friend.
  • Administrator
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2005
  • Posts: 11,080
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:August 06, 2023, 02:03:15 pm
    • Bangkok Classiccar
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #16 on: August 15, 2008, 11:28:30 am »
ขอบคุณคุณ lupin ที่เอากระทู้ดี ๆ มาฝากกันครับ  &v&  :smitten:  :good:
อ่านแล้วน้ำตาคลอดเบ้า อยากกลับบ้านไปเจอแม่เดี๋ยวนี้เลย


 w^w
If you love classiccars, you're my friend

1950 Riley RMA
‘55 MB 190SL / 1968 W112 Coupe /W108 280SE /W116 450SEL
‘57 MGA
‘68 AR 105 Gt Junior / Giulietta’77
‘82 RR Corniche


MB W180/111/110/108/114
AR Giulia Super/Spider
BMW E30 (2)
Jag XJ S1
Porsche 924 /911E
VW Golf MKI Cabrio/Thing


www.facebook.com/groups/bangkokclassiccar

Offline fordcd28

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Mar 2008
  • Posts: 649
  • Gender: Male
  • Last Login:October 23, 2015, 09:21:53 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #17 on: August 15, 2008, 12:10:29 pm »
 :cry: อ่านแล้วคิดถึงสิ่งที่เคยเกิดกับตัวเอง...แม่ผมนอน รพ. อยู่ 8 เดือนเพราะมะเร็ง ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ช่วยอะไรแม่ไม่ได้เลยสักอย่าง...แล้วแม่ก็จากผมไป  :cry: โดยที่ผมแทบไม่เคยได้มีโอกาสตอบแทนท่านเลย

สมาชิกท่านใดที่ยังมีโอกาส ดูแลคุณแม่ของท่านให้ดีนะครับ

ขอบคุณคุณ lupin ครับ

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #18 on: August 18, 2008, 09:31:39 am »
9 ส.ค. 2550

นับจากวันที่ 6 เป็นต้นมา  ผมนั่งนับเวลาทุกๆนาทีที่ผ่านไป  แม้ว่าเวลาประมาณ 72 ชั่วโมง อาจจะไม่ได้มากยามที่เรามีวันหยุด 3 วัน แล้วไปเที่ยว  เพราะเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านเราไปอย่างรวดเร็ว

แต่ละนาทีของความทุกข์ที่กำลังถาโถมความรู้สึกของผม  ผมกำลังรอคำตอบจากหมอเรื่องผลตรวจการเจาะปอดแม่ หมอมักจะเข้ามาเวลาประมาณช่วงบ่าย ถึง บ่ายสองโมง  แต่ผมไปรอตั้งแต่ไม่ทันเที่ยง  เดินวนไปวนมา  คิดสารพัดว่าคำตอบจะคืออะไร  แล้วผมจะรู้สึกอย่างไร

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าแม้จะเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง ใกล้บ่ายโมงผมเห็นพยาบาลเตรียมรถเข็นประวัติคนไข้มารอหน้าห้องพักพยาบาล เป็นสัญญาณว่าหมอใกล้จะมาแล้ว  นั่นยิ่งทำให้ผมเดินวนไปมาอยู่ระหว่างทางเดินของห้องคนไข้ด้วยอาการกระวนกระวาย

น้าชาย  และพี่สะใภ้โทรมาถามว่าหมอมาหรือยัง  แล้วก็พูดปลอบผมว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกนะ

บ่ายโมงเศษ  หมอมาถึงและเริ่มเข้าตรวจคนไข้  ผมเองแทบจะโผเข้าไปยื้อยุดตัวหมอไว้เพื่อถามไถ่ผลตรวจจากแลป  แต่ก็สู้สะกดใจ  เพราะทุกห้องคนไข้ก็ล้วนแต่อาการน่าห่วงทั้งนั้น

เสียงลูกบิดประตูห้องเปิดออก  หมอเดินเข้ามา  ผมหัวใจเต้นแรงขึ้น  บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร

“เชิญญาติๆออกมาฟังให้หมดพร้อมกันทีเดียวทุกคนเลยครับ”  หมอเรียกและเดินออกจากห้องไป

ผมตัดบทว่าไม่เป็นไรผมฟังคนเดียวพอ  เพราะผมไม่อยากให้พี่เลี้ยง  และญาติอีกคนที่มาช่วยอยู่เฝ้าเมื่อคืนที่ผ่านมาต้องตกใจ  ถ้าผลจะออกมาไม่เป็นในทางที่ผมภาวนาให้เป็น

“ผลออกมาแล้ว  เป็นมะเร็งปอดแน่นอน” 

หมอพูดสั้นๆ  แต่มันบาดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจ  ผมอึ้งจนนึกอะไรไม่ออก  เหมือนกับอาการหวิวๆจะเกิดขึ้น  ได้แต่สูดหายใจลึกๆ  ขยับปากเหมือนอยากจะถาม  แต่ไม่มีเสียง  แล้วก็รู้สึกสับสนว่าจะถามอะไรดี

“โดยอายุเรื่องผ่าตัดคงไม่ไหว  คีโมก็คงไม่ไหว  แต่ถ้าญาติอยากจะยื้อก็ได้”  หมอบอกก่อนที่ผมจะนึกคำถามออก

“ผมคงไม่ยื้อครับ  ถ้ามันจะทำให้คนไข้ทรมาน”  ผมตอบ  ขณะที่รู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมาทันที  เหมือนน้ำตาจะเอ่อ  ขบกราม  แล้วพยายามกลืนน้ำลายลงคอ

“แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไป”  ผมถาม

“รักษาตามอาการไป  ถ้าบวมยุบ  พอกินข้าวได้  จะพากลับบ้านก็ได้ ขอตัวน๊ะครับ”  หมอสรุปแล้วหันหลังเดินจากไป

ก่อนที่หมอจะเข้าห้องอื่น  ผมวิ่งตามไป  เพราะนึกถึงคำถามสำคัญอันหนึ่งขึ้นมาได้ “หมอครับ  แล้วโดยอาการในขั้นนี้  คุณแม่ผม.....”

“อยู่ได้ไม่เกิน  3 เดือนครับ” ไม่ทันที่ผมจะถามจบ  หมอคงรู้คำถามดี  และตัดบทก่อนที่จะหันหลังเดินเข้าห้องคนไข้อื่นไป

“ไม่เกิน 3 เดือน”

มันดังในความรู้สึกผมยิ่งกว่าคนมาตะโกนใส่  มันเจ็บปวดร้าวลงไปในหัวใจยิ่งกว่าคำตอบแรกที่หมอบอก
เหมือนอาการเข่าจะอ่อนทรุด  หวิวๆมากขึ้นเหมือนจะเป็นลม  ผมเดินเหม่อออกไปนั่งที่ล็อบบี้  บางอย่างมันจุกที่หน้าอก  รู้สึกคอแห้งผาก น้ำตาปริ่มออกมา  ผมลุกเดินไปริมหน้าต่าง  มองออกไปให้ไกลสุดตา  ไม่อยากให้ใครเห็น

นึกถึงบางคำถามที่เพื่อนเคยถามเล่นว่า “ถ้ารู้ว่าอีก 5 วันจะต้องตาย  จะทำอะไร”

ผมตอบได้ทันทีแบบไม่ลังเลว่า 3 วันผมจะไปตีกอล์ฟ  กีฬาที่โปรดปรานและไม่ได้เล่นมานานแล้ว  อีก 2 วันผมจะเล่นเครื่องบิน  ทั้ง 5 วัน  ผมจะเล่นทุกอย่างที่อยากเล่นตั้งแต่เช้ามืด ยันไม่เห็นแสง

แต่ตอนนี้ผมรู้ว่า อีก 3 เดือน  แม่จะต้องจากผมไป...

...ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าผมควรจะทำยังไง..ผมสับสนและเจ็บปวดจริงๆ...

Offline auseebkk

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 3,056
  • Country: th
  • Gender: Male
  • Last Login:November 25, 2014, 07:07:28 am
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #19 on: August 18, 2008, 10:32:26 am »
3 เดือน
 
90 วัน

2,160 ชั่วโมง

129,600 นาที

7,776,000 วินาที

จงทำทุก ๆ วินาที ที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่ามากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ

 &v&

Offline nong26june

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 5,668
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:June 12, 2020, 02:07:52 am
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #20 on: August 18, 2008, 05:20:20 pm »
 'b' 'b' 'b' 'b' 'b'

  พูดไม่ออกครับ มันจุกครับ

เหตุการณ์ คล้ายๆกันเลยครับ

แต่คุณพ่อผมป่วยตอนอายุ 47 เสียตอน 49

ผมยังจำได้...ทุกเหตุการณ์ทั้งที่ผ่านมาร่วม 20 ปีกว่า

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเจอกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

ผมนอนเฝ้าคุณพ่อเกือบ 2 ปี นอนร้องไห้เกือบทุกวัน

 &v& &v& &v&

จนถึงตอนนี้...

อยากจะเอาใจช่วยคุณแม่ท่านข้างบน

แต่ดูจากปีพ.ศ. เหตุการณ์เกิดนานแล้ว

รอฟังต่อนะครับ

 &v& &v& &v&



* * * ไม่ต้องกรี๊ดดด... พี่ไม่มีตังค์... * * *

* * * หน่อง : 081-919-9904 * * *

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #21 on: August 19, 2008, 08:52:10 am »
12 ส.ค. 2550
 
วันนี้เป็นวันแม่วันแรก และเป็นวันแม่วันสุดท้ายในชีวิตผม

ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผมทำงานใน กทม.ผมมีโอกาสกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อหาแม่แค่ประมาณเดือนละครั้งเป็นอย่างมาก  มีบ้างที่บางครั้งงานยุ่งจนต้องเลยเดือน 

ยามกลับไปก็เพียงแค่ 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ ที่จะมีเวลาอยู่กับแม่  บางทีก็จะถูกเจียดเบียดบังเวลาไปให้เพื่อนๆสมัยมัธยมอีกด้วย

มีบ้างนานๆครั้งที่จะโทรศัพท์ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง  ได้ยินว่าไม่เป็นอะไรก็จบการสนทนาไม่รู้จะคุยอะไร  บางทีคนเราก็แปลก  กับคนอื่นๆคุยได้เป็นวักเป็นเวร  แต่กับแม่ไม่รู้จะคุยอะไร

เรื่องงานแม่ก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานที่เราทำ  คุยไปก็งงซะเปล่าๆ  ส่วนปัญหาที่ทำงาน  หรือปัญหาชีวิต  ผมก็ชอบที่จะแก้ไขด้วยตัวเอง  ไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ  คือบางทีเผลอพูดให้ฟัง  ผ่านไปเดือนนึงกลับบ้าน  เราแก้ปัญหาหายคาใจไปนานแล้ว  แม่ยังกังวลอยู่เลย  ตัดปัญหา  อย่าเล่าเสียดีกว่า  ก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีเรื่องคุยกัน

จริงๆแล้วก็น่าสงสารแม่มาก  เพราะตลอดระยะเวลาที่ผมเติบโตมา  พ่อทิ้งเราไปตั้งแต่วันแรกที่ผมเกิด  แม่สู้เลี้ยงดูจนผมโตอยู่มัธยม  พี่สาวลูกพี่ลูกน้องที่แม่เคยเลี้ยงก็มาช่วยส่งผมเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย

ตอนที่ผมเริ่มจำความได้  แม่เคยพาผมไปขอค่าเลี้ยงดูจากพ่อ  คำตอบของพ่อดังก้องความรู้สึกของผมมาจนทุกวันนี้อย่างไม่สามารถลบเลือนออกไป

“ให้ไปฟ้องศาลเอาเอง”

ดังนั้น  เรา สองแม่ลูกจึงต่อสู้ชีวิตมาด้วยกันโดยไม่มีพ่อ มาเท่าชั่วอายุของผม  กระทั่งเมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (2549)  พ่อโดนรถชนเสียชีวิต  ผมก็กลับไปทำศพให้อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี อย่างที่คนเป็นลูกคนหนึ่งจะทำให้ได้  แม้ว่าลูกคนนี้จะไม่เคยได้รับการดูแลจากพ่อเลยก็ตาม

นับแต่ผมเข้ามาเรียนใน กทม.แม่ก็อยู่คนเดียว  และคงมีชีวิตในแต่ละวันด้วยการตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ผมจะกลับมาเยี่ยมบ้านอีก

ผมจะไม่กลับบ้านในช่วงเทศกาล  เพราะบ้านผมนั้นอยู่ในจังหวัดที่คนนิยมไปเที่ยวช่วงเทศกาล  คนจะเยอะ  รถจะติดยามเดินทาง  อีกอย่างงานที่ผมทำต้องเดินทางไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ  การกลับเทศกาล  จะทำให้แม่คาดหวังว่าผมจะต้องกลับทุกเทศกาล  แล้วจะยิ่งตั้งตารอคอย  ดังนั้นผมจะกลับก่อนหรือหลังเทศกาล

นั่นอาจจะทำให้ผมไม่เคยมีเทศกาล “วันแม่” อย่างที่ใครๆมี

เพราะสำหรับแม่แล้ว  ทุกๆวันของผมคือวันแม่  แม่อยู่ในใจอยู่ในความรู้สึกของผมเสมอ  แม้จะไม่เคยมีดอกมะลิสักดอกที่ให้แม่  แต่ทุกภาพความทรงจำเกี่ยวกับแม่อยู่ในมโนสำนึกของผมตลอดเวลา

ผมไปโรงพยาบาลแต่เช้า  เอาพวงมาลัยไปให้แม่แล้วบอกแม่ว่า วันนี้วันแม่นะ  หายไวๆ  กินยา กินข้าวเยอะๆ  จะได้กลับบ้านกัน

แม่ไม่พูดอะไร แม้ว่าภายในร่างกายคงจะเจ็บปวดอย่างมาก  แต่แม่ก็อดทนที่จะเหยียดตัวอ้าแขนพยายามเอื้อมแขนมาโอบกอดผม

เราไม่ได้กอดกันมานานมากแล้ว  แต่อ้อมกอดของแม่วันนี้ทำเอาน้ำตาของผมเอ่อขึ้นมา  บางสิ่งบางอย่างดันขึ้นมาจุกที่คอ

ผมก้มตัวลงไปหาแม่ที่นอนอยู่บนเตียงเพื่อให้แม่กอดได้ถนัดขึ้น  และผมก็โอบกอดแม่เอาไว้

ผมไม่รู้หรอกว่าแม่รู้สึกอย่างไร ที่วันนี้เป็นวันแม่ครั้งแรกที่แม่ได้รับพวงมาลัยจากผม

แต่..สำหรับผม...รู้ดีว่า..วันนี้จะเป็นวันแม่สุดท้าย  ที่ผมจะมอบพวงมาลัยให้กับแม่...

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #22 on: August 20, 2008, 10:46:55 am »

7 ก.ย. 2550

หลังจากเคลียร์งานที่ กทม.จนเสร็จสิ้น ผมรีบเดินทางกลับบ้านเพื่อไปดูแม่  บอกไม่ถูกว่าทำไมช่างเป็นความรู้สึกของการกลับบ้านที่เดียวดายชอบกล

หลายความคิดทะลักทะลายเข้ามาในสมองขณะที่ขับรถ  สลับกับการพยายามเรียกสติกลับคืนมาทุกๆครั้งที่รู้สึกตัว  เพราะการขับรถแล้วคิดอะไรมากมายเช่นนั้นมีอันตรายที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน

ตอนเที่ยงสายเรียกเข้าโชว์ชื่อพี่สาว  ถามว่าผมเคลียร์งานเสร็จหมดหรือยัง  ผมตอบว่ากำลังเดินทางกลับ เมื่อถามถึงอาการของแม่  ยังคงไม่ยอมกินอะไรเช่นเดิม  แม้กระทั่งน้ำ  เมื่อสัก 2 วันก่อน  แม่เริ่มทักทายญาติหลายคนไม่ว่าจะเป็นพ่อที่เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน  ลุงที่เสียชีวิตไปนานแล้ว  แม้กระทั่งคนที่เคยมาทำงานที่บ้านพี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน  และพี่สาวไม่เคยบอกแม่ว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว  แม่ก็ทักทายว่าพวกเขามาเยี่ยม

การทักทายของแม่นั้นอยู่ในสภาพที่ไม่ได้เกิดขึ้นขณะหลับแล้วฝัน  แต่เป็นการทักทายในสภาพของการตื่นอยู่  ไม่ว่าเหตุผลของการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จะคืออะไร  แต่มันทำให้ผมยิ่งหดหู่ไปกว่าเดิม

ผมตรงดิ่งไปโรงพยาบาลทันที  โผล่เข้าไปในห้องถามว่าจำได้มั้ยว่าใคร.. “ลูกแม่”  ฝีปากที่เผยอพูดแทบจะไร้เสียงออกมา

แม่ดูซูบมากกว่าเมื่อตอนที่ผมกลับไป กทม.อย่างเห็นได้ชัด  และดูอิดโรยอย่างมาก

“ตาย...จะตาย...”เสียงแหบแห้งของแม่พูดออกมา  มือไขว้คว้าหาผม  ผมก้มลงไปกอดแม่ไว้  แม่กอดผมไว้เช่นกัน

“ไม่ตายหรอก ไม่ตาย  แม่นอนพักเอาแรงเถอะ  อย่าพูดเลยเหนื่อยเปล่าๆ”

เราต่างกอดกันอยู่นาน  แม่คงอ่อนแรงมากเพราะท่อนแขนที่โอบอยู่บนแผ่นหลังของผมนั้นมันสั่นเทาจนรู้สึกได้ถึงความพยายามในการออกแรงอย่างมาก

ผมบอกแม่ว่า “ไม่ต้องห่วงผม  ไม่ต้องห่วงบ้าน  ผมจะช่วยดูแลให้  ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น  นอนหลับให้สบาย  นอนเอาแรงเถอะนะ...”  แม่พยักหน้าตอบรับก่อนค่อยๆคลายมือออกจากผม...................

Offline lupin

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jun 2007
  • Posts: 693
  • Gender: Male
  • Last Login:September 09, 2014, 06:42:17 pm
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #23 on: August 20, 2008, 10:48:24 am »

8 ก.ย. 2550

ผมไปที่โรงพยาบาลตามเวลาปกติ  แม่ยังคงดูอิดโรย  แต่ก็พยายามจะพูด  ฟังไม่ออกว่าแม่พยายามจะพูดอะไร  เพราะแต่ละคำนั้นแทบไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา  หรือมีก็เพียงเสียงที่ฟังไม่รู้เรื่องว่าหมายถึงอะไร  ผมได้แต่พยายามบอกให้แม่นอนพักเฉยๆ

ช่วงเย็นผมกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังจากช่วงบ่ายกลับไปนั่งทำงานที่บ้าน  แม่หลับอยู่ตอนที่ผมไปถึง  ดูเหมือนว่าเป็นความอิดโรยสุดๆที่ทำให้แม่หลับสงบนิ่งจนพยาบาลมาวัดความดันเรียกก็ไม่ตื่น  ผมเลยบอกให้วัดโดยไม่ต้องปลุก  เพราะคงเหนื่อยมากถึงหลับลึก....................

คืนนั้นผมหลับไปด้วยหัวสมองที่ว้าวุ่น และฝันอะไรมากมายที่จับเนื้อหาใจความใดๆไม่ได้  มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดัง  สะดุ้งตื่นขึ้นมารับสาย  ฟ้ายังมืดอยู่  เหลือบดูนาฬิกาเกือบหกโมงเช้า  นาทีนั้นรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา  แทบจะเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เสียงพี่สาวกรอกตามสายมาว่ารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ  ผมตอบรับแล้วกดสายทิ้งก่อนที่จะคว้ากุญแจรถกุญแจบ้าน  ใส่เสื้อผ้าลวกๆแล้วรีบออกไป....................

Offline nong26june

  • Verified Member
  • Member
  • *****
  • Join Date: Jul 2005
  • Posts: 5,668
  • Country: 00
  • Gender: Male
  • Last Login:June 12, 2020, 02:07:52 am
Re: _/_/_/ ภารกิจ ยื้อชีวิตแม่ \_\_\_
« Reply #24 on: August 20, 2008, 04:05:00 pm »
 :op :op :op
* * * ไม่ต้องกรี๊ดดด... พี่ไม่มีตังค์... * * *

* * * หน่อง : 081-919-9904 * * *

Tags:
 

* Permissions

  • You can't post new topics.
  • You can't post replies.
  • You can't post attachments.
  • You can't modify your posts.




Facebook Comments