ตอนที่ 2: รับรถ
หลังจากที่กลับไปนอนก่ายหน้าผากอยู่คืนหนึ่งผมก็โทรหาเจ้าของรถเพื่อสู่ขอโดยพลัน....... หลังจากสู่ขอจนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินแบบเอาเป็นเอาตายอยู่เกือบ 1 อาทิตย์จนในที่สุดผมก็โทรกลับไปหาเจ้าของเพื่อนัดโอนรับรถ
"สวัสดีครับพี่....... ผมพร้อมแล้วครับไม่ทราบว่าพี่จะสะดวกเมื่อไหร่ดีครับ"
"สวัสดีผมก็กำลังนึกอยู่เหมือนกันว่าคุณจะเอารถผมจริงหรือเปล่า..... ว่าจะโทรไปหาอยู่เหมือนกัน"
"
เอาสิครับพี่.....(ระหว่างหาเงินผมโทรคุยกับพี่เขาวันเว้นวัน)... ตามที่ตกลงกันไงครับ"
"ผมก็ว่าอย่างนั้นละ เมื่อวันก่อนมีหนุ่มคนนึงมาขอซื้อรถผม เอ่อว่าแต่คุณไปบอกใครหรือเปล่าว่าผมจะขายรถ"
"เปล่าครับ ผมกะเอาแน่เลยไม่ได้บอกใครครับ...... ทำไมเหรอครับ"
"พ่อหนุ่มคนนี้เขาเป็นนักร้อง...(ขอไม่พูดชื่อ)...เขามาขอซื้อรถผมแต่ผมบอกว่าผมตกลงกับคุณไปแล้วถ้าคุณไม่มาเอาค่อยว่ากันอีกที เขากลับบอกผมว่าคนคนนั้นเขาให้เท่าไหร่เขาจะให้เพิ่มแต่ขอให้ขายเขาเถอะ" "ผมโกรธมาก ผมบอกเขาว่าผมตกลงจะขายรถให้เขาแล้วผมไม่ยอมเสียคำพูดหรอก"
"ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะรีบโอนเงินไปให้พี่เลยครับ"
พี่คนนี้เป็นผู้ย้ำให้ผมตะหนักว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างและสมัยนี้ยังมีคนอีกมากมายที่ยึดมั่นในคำสัญญา หรือที่ผมชอบเรียกว่าใจนักเลง นอกจากนี้วันที่ผมไปรับรถนั้นเงินในบัญชียังเคลียไม่ทันผมจึงยังทำเช็คธนาคารไปให้พี่เขาไม่ได้ ผมก็โทรบอกพี่เขาตามจริง
แต่พี่เขากลับบอกว่า
"ไม่เป็นไรถ้าวันนี้คุณยังว่างมาเอารถไปเลยแล้วคุณค่อยโอนเงินมาให้ผม เอารถไปขับดูให้แน่ใจก่อน"
ผมพูดอะไรไม่ออกเลยครับ
"ขอบคุณมากครับพี่ที่เชื่อใจผม" ผมรีบไปเอารถโดนด่วนที่สุด ดีใจมากเลยครับว่าพี่เขานอกจากรักษาคำพูดแล้วยังใจนักเลงพอที่จะยอมให้ผมเอารถมาก่อนอีก
จากประสพการครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าถ้าจะอยู่ในวงการรถ classic ได้ต้องคำไหนคำนั้นและต้องตรงไปตรงมาไม่มีการหมกเม็ดข้อมูลหรือสภาพรถ
พอถึงบ้านคนแรกที่ได้นั้งรถคันนี้ต่อจากผมที่ขับกลับบ้านคือคุณพ่อของผมครับ