“แกช่วยรักษากันหน่อยนะหมอ นึกว่าช่วยชีวิตกันไว้เอาบุญเถอะเพื่อน กันรู้ตัวดีว่ากันเป็นโรคบ้ารถคลาสสิค
ศาสตราจารย์ดิเรกซ่อนยิ้มไว้ในหน้า
“กันจะรักษาแกก็ได้ แต่ต้องเรียกค่าป่วยการแสนบาท ค่ายาไม่คิด”
“ตกลงจ้ะคุณหมอ ยามป่วยไข้เห็นหมอก็เหมือนเห็นแก้ว แต่พอหายแล้ว เห็นแกก็เหมือนเห็นหมา”
“อ้าว เดี๋ยวแกล้งฉีดยาให้ตายเสียหรอก อ้า-อาการของแกเข้าขีดอันตรายแล้วรู้ไหมอ้ายหงวน กันพูดจริง ๆ นะไม่ใช่พูดเล่น เมื่อยังรักมีชีวิตอยู่ต่อไป และแกจะให้กันรักษาก็ต้องเชื่อฟังอยู่ในคำสั่งของกัน”
“ถูกแล้ว ไม่เชื่อหมอแล้วจะไปเชื่อหมาที่ไหนล่ะ จริงไหมหมอจ๋า”
เจ้าคุณปัจจนึก ฯ พูดเสริมขึ้น
“ทั้ง ๆ ที่มันไม่สบายนอนซมอยู่อย่างนี้มันก็ยังทะลึ่ง”
ดร.ดิเรกตรวจร่างกายของกิมหงวนต่อไป วางมือซ้ายลงบนหน้าอกอาเสี่ยแล้วใช้นิ้วมือข้างขวาเคาะลงไป ทุกคนที่อยู่ในห้องนอนของอาเสี่ยต่างสะดุ้งเฮือกไปตามกัน เมื่อได้ยินเสียงดังเหมือนกับเอาไม้ตีถังน้ำ
“แป๊ง ๆ แป๊ง ๆ”
“ได้ยินไหม” นายพลดิเรกพูดกับคนไข้อย่างเกรี้ยวกราด “ตับของแกแข็งโป๊กจนเคาะได้ยินเสียง”
เสี่ยหงวนหน้าซีดเผือด เต็มไปด้วยความรักตัวกลัวตาย เขาเอื้อมมือตะครุบมือนิกรซึ่งกำลังหยิบองุ่นพวงหนึ่ง ที่วางอยู่ในจานผลไม้บนโต๊ะ
“ของคนไข้โว้ย คุณอาหญิงท่านซื้อมาให้กัน”
นิกรยิ้มแห้ง ๆ
“แหม-ขอกินสักพวงก็ไม่ได้”
นันทาทำตาเขียวกับน้องชายของหล่อน
“ถอยออกไปยืนให้ห่างโต๊ะหน่อย ตะกละตะกลามอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้”
นิกรค้อนปะหลับปะเหลือก ถอยไปยืนปลายเตียงแล้วบ่นพึมพำ
“อยากกินก็หาว่าตะกละ ชอบก๊ล”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ดร. ดิเรกตรวจเสี่ยหงวนต่อไป ใช้นิ้วมือดีดท้องดังปุ๊ ๆ ต่อจากนั้นก็ตรวจชีพจรและหัวใจ
“แย่ แย่โว้ย” นายพลดิเรกบอกคนไข้ “หัวใจแกเต้นจังหวะตลุงแม็มโบ้ว่ะ กันจะต้องพยายามแก้ไขให้มันเต้นจังหวะสโลว์ตามเดิม”
กิมหงวนถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง
“ช่วยกันนะเพื่อนนะ กันรับรองว่ากันจะเชื่อฟังแกทุกอย่าง”
“ออไร๋ ถ้าเช่นนั้นแกหายแน่ ก่อนอื่นแกต้องสัญญากับกันก่อนว่าแกจะไม่นั่งดูรถคลาสสิคอย่างเด็ดขาด”
“อ๋อย เด็ดขาดเชียวหรอหมอ”
“ใช่ ร่างกายของแกกำลังชำรุด เพราะถูกแอลกอฮอล์ผสมสีเผาผลาญ หากแกบ้ารถคลาสสิคหนักเข้าไปอีก แกก็เท่งทึง อย่างไม่มีปัญหา”
อาเสี่ยทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้