แค่ทะเบียนก็ไม่หวานซะแล้ว
นายวิชาญ รัษฐปานะ ผู้ดูแลรถยนต์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง สุดประเสริฐ) คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กทม. กล่าวว่า กรณีดีเอสไอระบุมีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นผู้ครอบครองรถเบนซ์จดประกอบ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร อาจจะต้องเชิญมาชี้แจงที่มาที่ไปของรถคันดังกล่าวนั้น ยอมรับว่ารถเบนซ์ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร เป็นรถจดประกอบจริง ต้องขอชี้แจงว่าไม่ใช่รถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เป็นซากรถเก่าอายุประมาณ 80 ปี ที่ลูกศิษย์นำไปซ่อมปะผุ จัดซื้ออะไหล่มาประกอบขึ้นใหม่ โดยขั้นตอนการซ่อมและประกอบนั้นได้ถ่ายภาพและเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมด
@ พร้อมยื่นเอกสารให้ตรวจสอบ
นายวิชาญกล่าวต่อว่า หลังมีการนำเสนอข่าวดังกล่าวทางสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มอบหมายให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพราะการดำเนินการทุกอย่างมีหลักฐานชัดเจน ที่สำคัญมีการเสียภาษีและนำไปจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากดีเอสไอต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวก็พร้อมชี้แจงทันที
@ เชื่อพระคุณเจ้าไม่มีส่วนรู้เห็น
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรณีการนำรถไปถวายพระเถระชั้นผู้ใหญ่และปรากฏชื่อเป็น 1 ในบัญชี รถต้องสงสัยจำนวน 5,832 คัน คงต้องเรียกผู้ครอบครองหรือตัวแทนที่ดูแลรถคันดังกล่าวมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ไม่ใช่ล็อตแรกจำนวน 145 คัน ที่ดีเอสไอจะเรียกมาตรวจสอบ เพราะไม่ใช่รถยนต์ที่มีราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป เชื่อว่าพระคุณเจ้าไม่มีส่วนรู้เห็นอย่างแน่นอน ลูกศิษย์คงเป็นผู้จัดหามาถวาย เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ามีการประกอบจากอะไหล่รถยนต์แต่ละชิ้น ก็สามารถตรวจสอบได้จากเจ้าหน้าที่เทคนิค อาจจะเป็น 1 ใน 15 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกต้อง มีการเสียภาษีรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) จดทะเบียน ตามขั้นตอนของกฎหมาย
"แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตว่าโดยปกติแล้วชาวพุทธ เวลาจะทำบุญหรือถวายของพระสงฆ์ ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดตามความเชื่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมเอาซากรถเก่าๆ คันละชิ้น คนละชิ้นส่วน มาประกอบเป็นคันๆ แล้วถวายท่าน คิดกันได้ยังไง ปกติที่เคยเห็นส่วนใหญ่ก็เป็นรถใหม่หรือรถสภาพดี เพราะเวลาท่านนำรถเก่าไปใช้แล้วเกิดปัญหา มันจะกลายเป็นบาปมากกว่าได้บุญ" นายธาริตกล่าว
: จาก mthai.com