สิ่งที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันทำให้ Macau มีวันนี้ก็เพราะการเดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวโดยยึดมั่นในกฏมาตรฐานมาตลอด 57 ปี เส้นทางเดินอันยาวไกลนี้แบ่งออกเป็น 8 ยุค ยุคแรกเริ่มในปี 1964-1971 ซึ่งเรียกว่ายุค Production ต่อมาในปี 1972 จึงเปลี่ยนมาใช้กฏ Gr.4 และ Gr.5 ซึ่งเป็นยุคที่เริ่มจะมีทีมแข่งนำรถแข่ง Gr.5 แรงๆในสมัยนั้นมาร่วมการแข่งขันอย่างเช่น Hans-Joachim Stuck และ Manfred Winkelhock/BMW 320i Turbo และ Helmut Greiner/Porsche Carrera RSR แข่งกันได้อยู่สิบปีจึงเปลี่ยนมาใช้กฏ Gr. A ตาม FIA ในปี 1983 ซึ่งยุค Gr.A ระหว่างปี 1983-1992 นี้โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการยกระดับสิ่งที่เรียกว่า Guia Race of Macau ให้ขยับเข้าใกล้การแข่งขันที่เป็นมาตรฐานอย่าง BTCC หรือ ETCC ในยุโรปมากขึ้น ในยุคนี้จะได้เห็นนักแข่งชื่อดังและตัวแข่งโรงงาน Gr.A แท้ๆอย่างเช่น BMW 635CSi (Hans-Joachim Stuck/Dieter Quester/Gerhard Berger), BMW M3 (Roberto Ravaglia/Alftfrid Heger/Joachim Winkelhock/Emanuele Pirro), Ford Sierra RS500 (Andy Rouse/Tim Harvey) โลดแล่นอยู่ในสนามเต็มไปหมด ทั้งๆที่มันเป็นเพียงการแข่งแค่ระดับแชมป์เปี้ยนชิพเท่านั้นเอง
ต่อมาปี 1992 Guia Race of Macau ได้เปลี่ยนมาใช้กฏ DTM ที่กำลังฮิตอยู่ยุโรปในตอนนั้นและนักแข่ง/ตัวแข่งดังๆอย่าง M3 Evolution และ MB 190E Evolution ก็ขนรถมาลงแข่งกันอีกเหมือนเช่นเคยจนกระทั่ง FIA ได้ยกเลิก Gr.A และเปลี่ยนมาใช้กฏ Super Touring ในปี 1994 Guia Race of Macau ก็ขยับกฏตามมาอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็น Super Production (2000-2003) จากนั้น Super 2000 จนกระทั่งปี 2004
ในปี 2004 นี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของมันจากการที่ FIA ได้เข้ามา sanction และขยับฐานะให้ Guia Race of Macau เป็นหนึ่งในสนามของ World Touring Car Championships ของโลก ส่วนหนึ่งของความสำเร็จครั้งต้องยกเครดิตให้กับ Sociedade de Turismo e Diversoes de Macau (STDM) ภายใต้การผลักดันของสแตนลีย์ โฮ ก็อดฟาเธอร์แห่งคาสิโนตะวันออก